|
CEO อินเดีย
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
อินเดียอาจได้เปรียบจีนเพราะมีผู้บริหารที่สามารถและเป็นสากลกว่า แต่อย่าประมาทจีน ซึ่งมีวิญญาณของนักบุกเบิก
หนึ่งในข้อได้เปรียบอันน้อยนิดที่อินเดียมีเหนือจีนคืออินเดียไม่ขาดแคลนผู้จัดการที่สามารถ ทั้งยังมีชื่อเสียงในระดับโลกมากกว่าจีน
CEO ของจีนที่นับว่าเป็นที่รู้จักมากที่สุดอาจจะมีเพียง Fu Chengyu แห่ง Cnooc แต่ก็ถูกมองว่าเป็นหน้าฉากให้แก่รัฐบาลจีนที่กำลังหิวกระหายน้ำมัน ในการพยายามเสนอซื้อบริษัทน้ำมัน Unocal แต่ล้มเหลวเมื่อไม่นานมานี้
ตรงข้ามกับ Nandan Nilekani CEO ของ Infosys บริษัทที่ปรึกษาด้าน IT ชั้นนำของอินเดีย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นคู่แข่งจากภาคเอกชนที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง โดยไม่ได้เป็นหน้าฉากให้แก่รัฐบาลอินเดีย ในการปั้นธุรกิจ outsourcing จนโด่งดังไปทั่วโลก
ระบบการดำเนินธุรกิจแบบตะวันตกของอินเดีย ทำให้ CEO อินเดียปรับตัวเข้ากับวงการธุรกิจโลกได้ง่ายกว่า CEO จีนมากนัก แม้ว่าอินเดียจะเข้าสู่ยุคปฏิรูปเศรษฐกิจระบบตลาดเสรีหลังจีนถึง 10 ปี
อินเดียยังมีภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่และมีมานานก่อนจีน มีมหาวิทยาลัยธุรกิจที่ให้การศึกษาแบบตะวันตกมากมาย และมีผู้บริหารที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากความรู้และชาญฉลาดทางด้านการเงินของตน
Nilekani มองว่า ผู้บริหารจีนมีความสามารถในการคิดในภาพรวม และมีแรงขับดันภายในมหาศาล รวมทั้งลงมือทำรวดเร็ว แต่ขาดประสบการณ์ในการจัดการกับตลาดหุ้นโลกการตลาด การสร้างผลกำไร และการสื่อสารในเรื่องวิสัยทัศน์
อินเดียเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมานานหลายสิบปี โดยเกือบร้อยละ 50 ของ GDP ของอินเดีย มาจากภาคเอกชน เทียบกับร้อยละ 33 ของจีน อินเดียมีประสบการณ์กับความผกผันในตลาดหุ้นมายาวนาน ในขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ถูกสั่งปิดไปกว่า 40 ปี และเพิ่งเปิดใหม่ในปี 1984 แต่ตลาดหุ้นบอมเบย์เป็นตลาดหุ้นที่เก่าแก่ที่สุดของเอเชียโดยก่อตั้งในปี 1875
โดยสรุปคือ อินเดียมีประวัติ ศาสตร์ทางธุรกิจที่ยาวนานกว่าจีน มีวัฒนธรรมการบริหารบริษัทแบบครอบครัวมาหลายชั่วอายุคน แต่สิ่งแวดล้อมทางธุรกิจในจีนยังใหม่มาก และยังมีผู้ประกอบการที่กระจัดกระจาย
มหาวิทยาลัยธุรกิจแห่งแรกของอินเดียได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่กว่า 40 ปีก่อน โดยร่วมมือกับ Harvard University กับ MIT ตั้งแต่แรก และสถาบันการบริหารจัดการของอินเดีย (IIM) แห่งแรก ที่เมือง Kolkata (Calcutta) ก็ได้กลายเป็นต้นแบบให้แก่สถาบันแบบเดียวกันทั่วประเทศ CEO อินเดียจึงได้เปรียบจีน เพราะได้เรียน MBA มานานแล้ว และผู้บริหารอินเดียจำนวนมากยังไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ ในขณะที่จีนเพิ่งจะมีการเรียนการสอนด้านบริหารธุรกิจ และเพิ่งอนุญาตให้นักศึกษาไปเรียนต่อในต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้
อินเดียมีหลักสูตรด้านการบริหาร 600 หลักสูตรและผลิตนักศึกษา 5,000 คนต่อปี แต่จีนมีเพียง 95 หลักสูตร และผลิตนักศึกษา MBA น้อยกว่า 20,000 คนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่จีนขับไล่บริษัทข้ามชาติออกไปในช่วงทศวรรษ 1930 แต่ช่วงเวลาเดียวกันนั้น อินเดียกลับอ้าแขนรับบริษัทข้ามชาติทั้ง Brooke Bond, Philips และ Unilever และ CEO อินเดียที่เก่งฉกาจทุกวันนี้ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการฝึกฝนมาจากการทำงานในบริษัทข้ามชาติเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า จีนจะตามอินเดียทันในเวลาไม่นาน และ Partha Ghosh อดีตหุ้นส่วนใหญ่ของ McKinsey & Co. และที่ปรึกษาคนหนึ่งของรัฐมนตรีคลังอินเดียเตือนว่า CEO อินเดียสามารถอยู่ได้อย่างสบายในสภาพแวดล้อมของตะวันตก ซึ่งใช้กฎเกณฑ์แบบตะวันตก และสามารถจะประสบความสำเร็จภายใต้กฎเกณฑ์นั้น แต่จีนมีวิญญาณของนักบุกเบิกเส้นทางใหม่ กล่าวคือเป็นผู้นำที่พร้อมจะสู้ตายกับความท้าทายสุดยอดของโลก แม้ว่าโลกจะไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขา
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|