|

ซีฟโก้ชี้ครึ่งปีหลังกำไรดีกว่าครึ่งแรกแม้รายได้ทั้งปีพลาดเป้าโตไม่ถึง30%
ผู้จัดการรายวัน(26 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ซีฟโก้ ยอมรับรายได้พลาดเป้าไม่ถึง 30% หลังราคาน้ำมันพ่นพิษ กดไตรมาส 2 กำไรหด 60% ผู้บริหารมั่นใจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 505.33 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.79 เหตุ มาร์จิ้นดีขึ้น จากการปรับราคาขึ้นตามต้นทุน งานในมือ พร้อมเผย เตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 5-6 โครงการ มูลค่าเฉลี่ย 100 ล้านบาท จากขณะนี้ที่มี 500-600 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO แม้จะได้แรงหนุนจากกระแสข่าวโครงการสาธารณูปโภค หรือ เมกะโปรเจกต์มาเป็นระยะ แต่เนื่องจากผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาไม่น่าประทับใจ ส่งผลให้ราคาหุ้น SEAFCO รอบ 1 ปีนับจาก ที่หุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (3 ก.ย.47-2 ก.ย.48) ทรุดลงถึง 26.56% หลังจากที่ผลประกอบการในปี 2548 ที่ผ่านมาออกมาไม่น่าประทับใจ
อย่างไรก็ดี ราคาปิดล่าสุด (23 ก.ย.48) ปิดที่ 4.48 บาท ก็ยังคงสูงกว่าราคาจองซึ่งอยู่ที่ 4 บาท ลุ้นรายได้ครึ่งปีหลังสูง
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า บริษัท คาดว่า ไตรมาส 3/48 จะมีรายได้มากกว่าไตรมาส 2/48 ที่มีรายได้ 233.53 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 8.34 ล้านบาท เนื่องจาก 2 เดือนแรกในไตรมาส 3/48 มีกำไรมากกว่าไตรมาส 2 มากพอสมควร และจากการที่บริษัทได้มีการปรับราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
"ไตรมาส2/48 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.34 ล้านบาท ลดลง 60.27% จากไตรมาสเดียวกันปี 47 เนื่องจาก ประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการในวัตถุดิบในต้นทุนเดิมไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นที่ต่ำ" นายณรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ซีฟโก้ ดำเนินธุรกิจรับเหมา ก่อสร้างงานฐานราก และงานโยธาในส่วนที่อยู่ภายใต้พื้นดิน บริษัทคาดว่ารายได้ในครึ่งปีหลังจะสูงกว่า ครึ่งปีแรก ที่มีรายได้ 505.33 ล้านบาท มีกำไร สุทธิ 26.79 ล้านบาท ซึ่งจะไม่มากนัก แต่ว่า ในเรื่องของอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) จะมีกว่า ครึ่งปีแรก เพราะบริษัทได้มีการปรับราคาดำเนินงาน โดยเฉพาะในไตรมาส 4/48 นั้นจะเป็นช่วงที่บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ดี และรวมถึงขณะนี้บริษัทมีงานในมือจำนวนมาก
ฟุ้ง ตปท.สนใจ
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทมีงานในมือ เฉลี่ยประมาณ 500-600 ล้านบาท จำนวน 10 โครงการ ซึ่งในแต่ละเดือนนั้นบริษัทจะมีงานเข้ามาใหม่ประมาณ 100 ล้านบาท โดยขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานเพิ่มอีกประมาณ 5-6 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 100 ล้าน บาท ซึ่งเป็นงานภาคเอกชนและ งานภาครัฐบาล ซึ่งจะเป็นลักษณะการรับงานต่อจากบริษัทที่ได้รับการประมูล
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ปรับประมาณการรายได้ปี 48 ใกล้เคียงกับปี 47 ที่มีรายได้ 993.59 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 80.66 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% เพราะไตรมาส 2/48 บริษัทประสบปัญหาเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอทำให้มีกำไรลดลงมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงิน ปันผลในอัตรากำไรสุทธิไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิ "ที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศก็มีการติดต่อกับบริษัท ซึ่งจะเป็นลักษณะของการสอบถามข้อมูล ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะเข้ามาซื้อหุ้นหรือไม่ และเมื่อช่วง ที่ภาวะตลาดหุ้นไม่ค่อยดี ทำให้ราคาหุ้นปรับตัว ลดลงมานั้น บริษัทก็ไม่ได้เข้าไปซื้อหุ้น เพราะ ขณะนี้ก็ถือหุ้นไว้ในสัดส่วนที่สูง ซึ่งหากเข้าไปซื้อหุ้นอีกก็จะทำให้สภาพคล่องน้อยลง" นายณรงค์ กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) หรือ US แจ้งว่าในช่วงไตรมาส 3/48 จะมีเพิ่มขึ้นจากการปล่อยลอยตัวน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. เนื่องจาก ผู้ว่าจ้างรอดูความชัดเจนในเรื่อง ดังกล่าวทำให้ทราบต้นทุนที่แท้จริง โดยผู้ว่าจ้าง ก็เริ่มจ้างงานมากขึ้น ทำให้บริษัทมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้น มิ.ย. บริษัทมีงานในมือเหลืออยู่ 528 ล้านบาท
ขณะที่ในช่วง ก.ค.-ต้น ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้งานเพิ่มอีกประมาณ 400 ล้านบาท โดยจากงานในมือที่มีอยู่คาดว่าจะรับรู้รายได้ ในไตรมาส 3 ประมาณ 400 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้ ประมาณ 1,091 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 11.4% จากปี 47 ซึ่งบริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ประมาณ 66 ล้านบาท ลดลง 18.5% จากปี ก่อน
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|