|
L&Eเผยไตรมาส3ปีนี้รายได้หด ลูกค้าโครงการเลื่อนเปิดบริการ
ผู้จัดการรายวัน(23 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
L&E เผยไตรมาส 3 ปีนี้ทรุด ผลจากลูกค้าเลื่อนเปิดโครงการทั้งจังซีลอน สยาม พารากอน รวมทั้งความต้องการใช้โคมไฟของร้านค้าริมทะเลลดลง เชื่อโครงการเหล่านี้เปิดปลายปีจะทำให้รายได้ไตรมาสสุดท้ายกลับสู่ปกติ
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด(มหาชน) (L&E) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้จะลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งสองไตรมาสแรกนั้นอัตราการเติบโตของรายได้บริษัทเกินกว่า 40% ขณะที่คาดว่าไตรมาส 3 จะโตเพียง 30 % เท่านั้น ส่วนกำไรไม่สามารถประมาณการได้
โดยไตรมาส 2 ซึ่งเป็นไตรมาสล่าสุดที่ L&E แจ้งงบออกมาพบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 9.97 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 233% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 23.21 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.03 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 ที่ผลงานจะลดลง เนื่องจากโครงการสยามพารากอนที่เปิดให้บริการล่าช้า
อย่างไรก็ตาม โครงการเหล่านี้ จะเปิดให้บริการปลายปีนี้ รวมทั้งโครงการจังซีลอนที่จะเปิดเป็นแหล่งชอปปิง อีกแห่งหนึ่งในภูเก็ตก็เลื่อนการเปิดไปอย่างไม่มีกำหนดเช่นกัน ซึ่งโครงการนี้มีแผนที่จะเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีแต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเปิดได้ เพราะยังมีปัญหาเรื่องของเจ้าของที่ดินและนายทุนที่เข้าไปดำเนินการโครงการดังกล่าว
“เราจึงได้รับผลกระทบจากโครงการเหล่านี้แบบเต็ม ๆ เช่นกัน เพราะเราถูกเลือกว่าจ้างให้เข้าไปติดตั้งโคมไฟให้กับโครงการดังกล่าว เมื่อโครงการชะงักและเลื่อนออกไป ทำให้รายได้ที่ควรจะรับรู้ต่อเนื่องต้องหยุดชะงักไประยะหนึ่งด้วย แต่ผมก็มั่นใจว่าไตรมาส 4 ปีนี้ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น เพราะเราน่าจะรับรู้รายได้จากโครงการนี้แล้ว ” นายปกรณ์กล่าว
จากเหตุดังกล่าว จึงเป็นผลกระทบที่จะทำให้ไตรมาส 3 ปีนี้ของ L&E เมื่อเทียบกับสองไตรมาสแรกที่ผ่านมาการเติบโตจะลดลง นอกจากนี้จากการที่นักท่องเที่ยวลดลง อันเป็นผลกระทบที่เกิดจากคลื่นยักษ์สึนามินั้น ทำให้ยอดขายโคมและหลอดไฟส่องสว่างหดตัวลง
เนื่องจากผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ใส่ใจที่จะขยายงานอย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่ก่อนหน้านี้ความต้องการใช้โคมไฟในสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเล จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโคมไฟหรือหลอดไฟกันเป็นระยะ แต่เมื่อนักท่องเที่ยวหดหาย ร้านค้าต่าง ๆ ก็ทำให้ความต้องการสิ่งเหล่านี้ลดลงตามไปด้วย
นายปกรณ์กล่าวต่อว่า นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น L&E ยังได้รับผลกระทบจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่อง และแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขยับขึ้น ซึ่งหากปี49 ราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุดเหมือนที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทเหมือนกับบริษัทอื่น
แม้ว่าโรงงานแห่งใหม่ที่เวียดนามที่ขณะนี้เริ่มเดินเครื่องผลิตแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทแม่มีเม็ดเงินบวกเข้ามาอีก แต่ก็เป็นช่วงเริ่มแรกเท่านั้น และเป็นการทดลองตลาดก่อน เพราะบริษัทพบว่าความต้องการใช้โคมไฟเพื่อส่องสว่างยังมีอีกมาก ขณะที่ L&E เป็นผู้ผลิตโคมไฟและติดตั้งให้แบบครบวงจร จึงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เวียดนามพอสมควร
สำหรับรายได้ของ L&E มาจาก กลุ่มอุปกรณ์แสงสว่าง กลุ่มหลอดไฟ และกลุ่มแสงไฟและอื่น ๆ ซึ่งไตรมาส 2 ปีนี้พบว่ารายได้แต่ละกลุ่มเติบโตเกินกว่า 40% โดยเฉพาะกลุ่มแสงไฟและอื่น ๆ ทะยานถึง 115%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|