ไขศรี นิธิการพิศิษฐ์ ภาระของรุ่นที่ 4


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ไขศรี นิธิการพิศิษฐ์ น่าจะเป็น ผู้บริหารรุ่นที่ 4 ซึ่งได้มีโอกาสเข้ามารับช่วงดูแลกิจการที่ศาสตราจารย์ยุกต์ ณ ถลาง สร้างขึ้นมาเมื่อ 62 ปีก่อนที่มีอายุน้อยที่สุด แต่ต้องทำงานหนักและเหนื่อยมากที่สุด

ด้วยวัยเพียง 41 ปี ไขศรีต้องดิ้นรนเพื่อให้กลุ่มเคพีเอ็มจี ประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสอบบัญชี และที่ปรึกษา ที่เกิดจากการควบรวมกันระหว่างกลุ่มแอนเดอร์เซ่น ประเทศไทย กับกลุ่มเคพีเอ็มจีสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ที่โหมประดังเข้ามา ตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ารับตำแหน่ง

ไขศรีเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการ กลุ่มเคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

พันธกิจเร่งด่วนของเธอ มิใช่เพียงการวางเป้าหมายในอนาคต แต่กลับต้องลงไปแก้ปัญหา ทั้งๆ ที่ปัญหาเหล่านั้น เธอมิได้เป็นผู้ก่อขึ้น

ไขศรีเป็นศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นลูกศิษย์ของธวัช ภูษิตโภยไคย

คนในวงการบัญชีที่รู้จักเธอ บอกว่าไขศรีนับถือธวัชมาก

เธอเป็นผู้หญิงที่มีความเชื่อมั่นในตนเองค่อนข้างสูง แม้สรีระจะดูบอบบาง แต่ก็มีความแกร่งอยู่ในตัว

"เวลาจะทำอะไร จะต้องมีเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้วเสมอ" เธอบอก

เมื่อเรียนจบปริญญาตรี จากธรรมศาสตร์ ในปี 2526 บริษัทเดียวที่เธอสมัครงาน คือบริษัทสำนักงานเอสจีวี-ณ ถลาง พร้อมกับสมัครเรียนปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไปพร้อมกันด้วย

"อาจารย์ธวัชเป็นคนสอนในเทอมสุดท้าย และเพราะอาจารย์ธวัช ก็เลยทำให้อยากเข้ามาสมัครงานที่นี่"

เธอได้ทั้งการเป็นพนักงานในเอสจีวี-ณ ถลาง และเป็นนักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปพร้อมเพรียงกัน

งานแรกที่เธอทำ พร้อมกับการเรียนปริญญาโทภาคค่ำคือการเป็นผู้สอบบัญชี เธอสอบได้ใบอนุญาตผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ลำดับที่ 3491

ไขศรีใช้เวลาเรียนปริญญาโท 4 ปี จึงจบ ในตอนแรกเธอตั้งใจว่าจะทำดอกเตอร์ "แต่อาจารย์ธวัชก็มาชวนให้เข้าไปบุกเบิกงานด้านที่ปรึกษา"

เธอเริ่มจับงานเป็นที่ปรึกษาในเอสจีวี-ณ ถลาง ตั้งแต่ปี 2531 จนมีความชำนาญทั้งทางด้านการบริหาร การวางแผนการเงิน การจัดหาแหล่งเงินทุน และการปรับโครงสร้างหนี้

ด้วยความชำนาญเหล่านี้ เมื่อเอสจีวี-ณ ถลาง มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นกลุ่มบริษัทแอนเดอร์เซ่น ประเทศไทย และเบนเข็มไปเน้นทำธุรกิจที่ปรึกษา เธอจึงได้รับเลือกให้ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการของกลุ่ม ในปี 2543

เป็นผู้บริหารสูงสุดรุ่นที่ 4 ที่สืบทอดตำแหน่งต่อมาจากยุคของ ศาสตราจารย์ยุกต์ ณ ถลาง, มาริษ สมารัมภ์ และธวัช ภูษิตโภยไคย

"คุณไขศรีถูกเลือกเพราะเชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษา" ธวัชบอกกับ "ผู้จัดการ" แต่หลังเข้ารับตำแหน่งเป็นต้นมา ไขศรีกลับต้องนำความเชี่ยวชาญงานที่ปรึกษา มาใช้กับบริษัทที่ตัวเองเป็นผู้บริหาร

เธอเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจากับ KPMG เพื่อที่จะนำกลุ่มบริษัทที่เคยเป็นอดีตสมาชิก Arthur Andersen ในประเทศไทย เข้าไปเป็นสมาชิก KPMG ทั้งที่ในขณะนั้น KPMG มีตัวแทนในไทยอยู่แล้ว เป็นสำนักงานของศาสตราจารย์สุธี และสุพจน์ สิงห์เสน่ห์

แต่เธอก็สามารถเจรจาจนทั้ง 2 สำนักงานบรรลุข้อตกลงในการควบรวมกิจการกันได้ และเธอก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารสูงสุดในประเทศไทย ของ KPMG

ในวันนี้ ภารกิจการเป็นที่ปรึกษาของเธอยังไม่เสร็จสิ้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.