โดยปกติแล้ว ชาติ จิราธิวัฒน์ ไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับกีฬาฟุตบอลเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีทีมฟุตบอลทีมใดอยู่ในดวงใจ ที่จะต้องคอยเชียร์ทุกครั้งที่ทีมลงสนามแข่งขัน
แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่า เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนทัศนะ ใหม่ โดยการเทใจเพื่อเชียร์ทีม
"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุผลจากภาระหน้าที่ที่เขาเพิ่งเข้าไปรับผิดชอบ
ชาติ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์ใหม่ล่าสุดของบริษัทเซ็นทรัลเทรดดิ้ง ที่อยู่ในเครือเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง
กรุ๊ป (CMG)
ชาติ เป็นลูกชายคนโตของสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นกรรมการบริหาร เซ็นทรัลกรุ๊ป
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เขาเรียนจบทางด้านการตลาดจาก Trinity College เมือง คอนเนกติกัต สหรัฐอเมริกา
หลังเรียนจบได้ไปเป็น Trainee ที่ห้างมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ 1 ปี ก่อนกลับมาเมืองไทย
ชาติ เริ่มงานครั้งแรกที่จีอี แคปปิตอล และมีส่วนสำคัญในการทำเว็บไซต์
thailifestyle.com ก่อนจะย้ายเข้ามาทำงานในเครือเซ็นทรัล โดยไปทำการตลาดให้กับบริษัทสุวิมล
เจ้าของลิขสิทธิ์มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ในประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2543
เขาเพิ่งเข้ามาทำงานให้กับเซ็นทรัลเทรดดิ้งเมื่อต้นปีนี้ โดยสินค้าตัวแรกที่เขาจับคือ
กล้องดิจิตอล
ช่วงที่ชาติเริ่มงานในเซ็นทรัลเทรดดิ้งเมื่อต้นปี เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่
CMG กำลังอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์สินค้าของ Man Utd. มาขายในเมืองไทย
ชาติยอมรับว่า ในครั้งแรกเขายังไม่สนใจสินค้าของ Man Utd. เท่าไรนัก เพราะเข้าใจว่าสินค้าแบรนด์นี้น่าจะเน้นหนักไปในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพียงอย่างเดียว
แต่เมื่อเขาได้มีโอกาสเดินทาง เพื่อไปดูร้าน Man U Megastore ในสิงคโปร์
พร้อมกับพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง CMG
เขากลับพบว่าสินค้าที่อยู่ในร้านมีความหลากหลายกว่าที่เขาคิดไว้มาก
นอกจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกีฬาซึ่งประกอบด้วยเสื้อผ้าและอุปกรณ์แล้ว
ยังมีสินค้าแฟชั่นในยี่ห้อ MUFC ที่เจาะตลาดลูกค้าผู้ชาย อายุระหว่าง 20-35
ปี รวมถึงสินค้าเสื้อผ้าสำหรับเด็กยี่ห้อ Man U Kids และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่เป็นของที่ระลึกประเภทต่างๆ
Man Utd. ให้ความสำคัญกับธุรกิจการขายสินค้าต่างๆเหล่านี้ เพราะนอกเหนือจากเพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนฟุตบอลแล้ว
ยังเป็นการหารายได้เข้ามาเสริมสำหรับใช้ในการซื้อตัวนักฟุตบอลเข้าทีม ซึ่งแต่ละปี
Man Utd. ต้องใช้เงินเพื่อการดังกล่าวเป็นจำนวนหลายล้านปอนด์
มีการประมาณกันว่าแฟนฟุตบอลของ Man Utd. ทั่วโลก มีประมาณ 50 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นแฟนบอลที่อยู่ในเครือ
จักรภพเพียง 10 ล้านคน ที่เหลืออีก 40 ล้านคนกระจายไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ซึ่งส่วนใหญ่ในจำนวนนี้จะอยู่ในประเทศ ย่านเอเชีย
สำหรับประเทศไทย Man Utd. ประเมินว่ามีแฟนบอลของทีมอยู่ประมาณ 2 ล้านคน
โดยดูจากความสนใจของคนไทย เมื่อครั้งนำทีมมาเตะฟุตบอลในประเทศไทยครั้งล่าสุดในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล
2001-2002 เมื่อกลางปีก่อน
ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทำให้ชาติเริ่มให้ความสนใจกับสินค้า ของ Man Utd.
ขึ้นมาทันที เขาเสนอตัวกับพิชัยว่าเขาขอทำสินค้าแบรนด์นี้ด้วยตัวเอง
เมื่อต้นเดือนกันยายน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญามอบลิขสิทธิ์ให้
CMG เป็นผู้นำเข้า และจำหน่ายสินค้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เพียงผู้เดียว
ในประเทศไทย
ตามแผนงานที่ชาติได้วางไว้ สินค้ายี่ห้อ Man Utd. ทั้งหมด จะถูกนำออกมาขายผ่านช่องทางจัดจำหน่าย
3 ช่องทางด้วยกัน ประกอบด้วย
1. คอร์เนอร์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งจะใช้พื้นที่ประมาณ 25-40 ตารางเมตร
โดยคาดว่าภายในปีนี้ จะเปิดคอร์เนอร์ดังกล่าวประมาณ 11 แห่ง
2. ร้านค้าในรูปแบบ Stand Alone ที่จะอยู่ภายใน พลาซ่าชั้นนำ ใช้พื้นที่ประมาณ
80-120 ตารางเมตร
3. ร้าน Man U Megastore ซึ่งจะเปิดแห่งแรกในสิ้นปีนี้ ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
พลาซา ลาดพร้าว
ในช่วงแรก สินค้าของ Man Utd. ที่นำมาจำหน่าย จะเป็นการนำเข้าทั้งหมด โดยยึดฐานราคาตามที่ขายกันในประเทศอังกฤษ
แต่ในอนาคตหากสินค้าของ Man Utd. ในประเทศไทย ได้รับความสนใจ CMG ก็มีแผนจะ
ตั้งโรงงานผลิตขึ้นมาเอง ตามประเภท และรูปแบบที่ได้รับการอนุมัติจากแมนเชสเตอร์
ยูไนเต็ด ประเทศอังกฤษ
และเพื่อการโปรโมตสินค้าในประเทศไทย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแผนจะนำทีมมาทัวร์เมืองไทยอีกครั้ง
ในปี 2548
ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น คงไม่มีใครแปลกใจ หากเห็นชาติ จิราธิวัฒน์ ใส่เสื้อแดงของทีม
Man Utd. เข้าไปนั่งเชียร์อยู่ติดขอบสนาม