ไมด้า-ไดสตาร์สยายปีก รุกธุรกิจเช่าซื้อต่อเนื่อง


ผู้จัดการรายวัน(16 ตุลาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ธุรกิจเช่าซื้อเฟื่อง ไมด้ารายได้พุ่ง ตั้งเป้าฟันรายได้ 2,000 ล้านบาทปีนี้ เตรียมสยายปีกรุกตลาดอินโดจีน พร้อมเข้าตลาดหุ้นไทยไตรมาส 2 ปีหน้า ขณะที่ไดสตาร์ ผู้ผลิต-จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อ "ไดสตาร์" รับลูก เช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเฟื่อง เพราะระบบเงินผ่อน รายได้บริษัทกว่าครึ่ง หรือประมาณพันล้านบาทปีนี้มาจากระบบนี้ คุยหนี้เสียต่ำเพียง 2% ของยอดสินเชื่อเช่าซื้อ เพราะบริษัทบริหารจัดการระบบเก็บเงินดี

นายวิวัฒน์ เอี้ยวศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด เปิดเผยว่าเงินกู้ 760 ล้านบาทที่บริษัทได้รับอนุมัติจากธนาคารกสิกรไทย แบ่งการกู้ เป็น 2 งวด งวดแรก 160 ล้านบาท ซึ่งชำระคืนแล้วบางส่วน คงเหลือประมาณ 90 ล้านบาท

งวดที่ 2 กู้ 550 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยประมาณ 5.1% ต่อปี สัดส่วนเงินกู้ระยะยาว 80% ที่เหลือเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน (พี/เอ็น) และเงินเบิกเกินบัญชี (โอดี) บริษัทจะนำเงินดังกล่าว ขยายสาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้าจะขยายให้ครบ 127 สาขา ภายใน สิ้นปี 2545 จากปัจจุบัน 105 สาขา กระจายไปทั่วทุกภูมิภาค

เพื่อกระตุ้นยอดขายปี 2545 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2,100 ล้าน บาท ขณะที่รายได้จากธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ บริษัททำได้ 1,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากสิ้นปี 2544 คาดว่าปีนี้ บริษัทกำไรสุทธิ 290-300 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท

"ปัจจุบัน ธุรกิจเช่าซื้อขยายตัวอย่างมาก การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ช่วยให้คนจับจ่ายใช้สอยด้วยระบบเงินผ่อนมากขึ้น ขณะที่นโยบายรัฐบาลกระตุ้นประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น" นายวิวัฒน์กล่าว รุกสินเชื่อรถจักรยานยนต์

นอกจากนั้น เดือนหน้าบริษัทมีแผนจะปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพิ่ม โดยช่วงแรก ตั้งเป้าแต่ละสาขาจะปล่อยสินเชื่อแห่งละ 2 คันต่อเดือน จากปัจจุบัน บริษัทมีทั้งสิ้น 105 แห่ง จะเพิ่มเป็น 127 แห่งภายในสิ้นปี คาดจะปล่อยตามสินเชื่อตามโชว์รูมอีกประมาณ 40-50 คัน

จะทำให้บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อจักรยานยนต์ประมาณ 300 คันต่อเดือน โดยอาศัยฐานลูกค้าเดิมที่ในระบบข้อมูล 2 ล้านราย นอกจากนี้ บริษัทจะปล่อยสินเชื่อเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะปล่อยผ่านสาขา 4-5 แห่ง คาดว่าจะทำให้ภายในปีหน้า บริษัทจะมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งเป้าว่าจะมียอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิประมาณ 380-400 ล้านบาท

ลุยตลาดเพื่อนบ้าน

หลังไตรมาส 2 ปีหน้า บริษัทเตรียมจะรุก ปล่อยสินเชื่อภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งประกอบด้วย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ขณะนี้ส่งทีมงานสำรวจพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่เลือกลงทุนภูมิภาคนี้ เพราะความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมีค่อนข้างน้อย ขณะที่การกำหนดอัตราดอกเบี้ย สูงกว่าในประเทศไทย

แต่การดำเนินการลงทุน ขึ้นกับเงื่อนไขแต่ละประเทศด้วย อย่างไรก็ดี คาดว่าการดำเนินการคงทำเอง แต่หากจะมีพันธมิตร ประเทศนั้นๆ ร่วมทุน ไมด้าคงต้องเป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วนมากกว่า ยอดหนี้เสียต่ำ

นายวิวัฒน์กล่าวต่อว่า ยอดหนึ้เสียบริษัทค่อนข้างต่ำเฉลี่ยเพียง 2% ของยอดสินเชื่อรวม จากเป้าที่ตั้งไว้ 5% โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนภูมิภาค ค่อนข้างขยายตัวสูง เพราะผู้ประกอบการรายอื่น ไม่ค่อยมีใครทำ เนื่องจากยังไม่ศึกษารายละเอียด ตลาดภูมิภาคเท่าที่ควร

ปีที่ผ่านมา บริษัทมีผลประกอบการที่ดี และเติบโตต่อเนื่อง เห็นได้จากรายได้ที่เติบโตสูงเฉลี่ย 22% ต่อปีช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2542 มีรายได้ 545 ล้านบาท ปี 2543 รายได้ 665 ล้าน บาท และปี 2544 รายได้ 750 ล้านบาท คาด ว่าจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลัก ทรัพย์ ชำระหนี้คืนบางส่วน บริษัทจะยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไตรมาส 2 ปีหน้า

ไดสตาร์ยอดเช่าซื้อสูง 50%

ด้านนายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ไดสตาร์ อิเล็คทริกส์ คอร์ปอ-เรชั่น จำกัด (มหาชน) (DISTAR) ผู้ผลิต-จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อไดสตาร์ เปิดเผยยอดขายบริษัทปีนี้ว่า จะประมาณ 2,000 ล้านบาท โดย 50% ของยอดขายทั้งหมด หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท จะมาจากธุรกิจเช่าซื้อ ส่วนที่เหลือ 1,000 ล้านบาท เป็นรายการขายปกติ

แบ่งเป็นรายได้จากภายในประเทศไทย 95% ส่วนที่เหลือ 5% จากการส่งออก ส่วนรายได้ภายในประเทศไทย เติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้ว สาเหตุที่อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นมาก เพราะคนไทยคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าระบบเงินผ่อน

"ผมยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็น โอกาสดีที่ทำให้ธุรกิจเช่าซื้อเติบโต เพราะกำลังซื้ออ่อนตัวลง ทำให้การขายแบบมีเงื่อนไข มีโอกาสเติบโต แต่บริษัทที่ทำธุรกิจนี้ต้องมีระบบควบคุมที่ดี เพราะอาจเกิดปัญหาได้ ขณะที่ช่องว่างตลาดระดับกลางในภูมิภาคเอเชีย มหาศาล และเชื่อว่ากำลังขยายตัวแบบไม่มีขอบเขต" นายวิวัฒน์กล่าว

เดินหน้าเข้าตลาดหุ้นไตรมาส 2 ปีหน้า

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์แอสเซทพลัส จำกัด (มหาชน) (ASSET) ในฐานะที่ปรึกษาการ เงิน เปิดเผยว่าแผนนำบริษัท ไมด้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คาดสามารถดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 2 ปีหน้า

โดยจะระดมเงินจากการเสนอขายหุ้นประชาชนทั่วไป (IPO) ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินขยายสาขาและขยายการผลิตสินค้า

ส่วนแผนขายหุ้นบริษัทจดทะเบียนอื่น ที่ บล.แอสเซท พลัส รับเป็นที่ปรึกษาการเงิน ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม คาดว่าบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้จะเสนอขายหุ้นไอพีโอได้ประมาณ สัปดาห์ที่ 3 ของพฤศจิกายน ส่วนบริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย คาดว่าจะเสนอขายหุ้นได้ประมาณต้นธันวาคม

"ตอนนี้เป็นช่วงที่บริษัทต้องคุยกับที่ปรึกษาการเงิน เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทและนักลงทุน อย่างไรก็ดี หากภาวะตลาด หุ้นไม่ดี ถึงขึ้นซบเซารุนแรง อาจเลื่อนขายหุ้นออกไป แต่ภาวะวันนี้ ยังถือว่าสามารถจัดการได้" นายก้องเกียรติกล่าว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.