ปิดหูปิดตาประชาชน อสมท สั่งปิดเมืองไทยรายสัปดาห์


ผู้จัดการรายวัน(16 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

สนธิชี้ รัฐบาลกลัวแม้กระทั่งเงาตัวเอง ต้องการพูดข้างเดียว ใครไม่เห็นด้วยไม่รักชาติ โต้บอร์ด อสมท. ทุกข้ออ้าง สั่งถอดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ยันทำในสิ่งที่เชื่อและศรัทธา ในฐานะข้าของแผ่นดิน

วานนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เปิดแถลงข่าวกรณีคณะกรรมการบริหาร บมจ. อสมท. ระงับสัญญาเช่าเวลารายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ซึ่งออกอากาศทางโมเดิร์ไนน์ทีวี ทุกคืนวันศุกร์เวลา 22.00-23.00 น.

นายสนธิกล่าวว่า เหตุผลในการปลดรายการ ตามแถลงการณ์ของ บอร์ด อสมท. ไม่เป็นความจริง โดยเริ่มจากข้อกล่าวหาที่ว่า รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทำให้เกิดคดีความกับบุคคลภายนอกหลายคดีในศาล ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียงคดีเดียว กรณีพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเท่านั้น ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมา แสดงว่าสิ่งที่ตนพูดในรายการนั้นไม่ผิด

ส่วนเรื่องที่ 2 เกี่ยวกับการแต่งตั้งการรักษาการสมเด็จพระสังฆราชว่า เป็นการละเมิดหรือขัดพระราชอำนาจ ก็ผิด เพราะสิ่งที่ตนถามคือ วันนี้เรามีสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ พระองค์แรกนั้นรัฐบาลอ้างว่าประชวร ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เลยตั้งรักษาสมเด็จพระสังฆราช แต่รัฐบาลไม่กล้าตอบว่า ขณะที่รัฐบาลบอกว่าสมเด็จพระสังฆราชองค์แรกประชวร แต่ทำไมพระองค์ท่านยังคงปฏิบัติภารกิจได้

ส่วน การนำบทความซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนเรื่องพ่อแผ่นดินมาอ่านในรายการ นายสนธิกล่าวว่า สาธุชนที่ได้รับทราบข้อความเรื่องพ่อของแผ่นดินก็จะเห็นว่า เป็นบทความที่ลึกซึ้ง มีธรรมอยู่ในบทความนั้น และก็เป็นที่ประทับใจและก็เป็นสิ่งที่ทุกคนก็เห็นด้วยกับบทความเหล่านั้นเช่นกัน ก็ถามว่าผิดที่ไหน ต่อมาก็อ้างว่าไปพบกับเลขาฯ คณะองคมนตรีและท่านราชเลขา ได้รับคำยืนยันว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หรือพระราชสำนักเลขาธิการไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมอบหมายให้นายสนธิหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งไปกล่าวอ้างอิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ว่าโดยตรงหรือปริยายแต่ประการใด

"อันนี้เป็นความจริง ผมกระทำในฐานะผมเป็นข้าของแผ่นดิน เหมือนกับคุณประมวลก็กระทำเขียนหนังสือพระราชอำนาจในฐานะซึ่งเป็นคนที่รักแผ่นดิน"นายสนธิกล่าว

อีกข้อหาหนึ่งก็คือว่า พึงกระทำด้วยความระมัดระวังพิเศษ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงหรือตอบโต้ความเข้าใจผิดได้ในทุกกรณี นายสนธิกล่าวว่า ถูกต้อง ก็เพราะไม่สามารถจะชี้แจงหรือแสดงออก ก็เลยมีการละเมิดอยู่ตลอดเวลา โดยใช้หลักของการที่พระมหากษัตริย์ สถาบันกษัตริย์ พูดไม่ได้ พอใจจะทำอะไรก็ทำ เพียงแต่ว่าพฤติกรรมในการทำนั้นพิสูจน์ชัดว่าไม่ได้จงรักภักดีอย่างตรงไปตรงมา

"ประเด็นสุดท้าย ที่บอกว่า บมจ.อสมท. ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน ผมว่าท่านประธานเรวัต ฉ่ำเฉลิม ท่านกรรมการ ธงทอง จันทรางศุ ท่านกรรมการผู้จัดการ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ระหว่างเป็นสื่อมวลชนกับเป็นเครื่องมือของรัฐบาลไม่เหมือนกัน ถ้าบมจ.อสมท.เป็นสื่อมวลชน จะต้องไปค้นหาคำตอบให้กับประชาชน ไม่ใช่หาคำแก้ตัวให้กับรัฐบาลในทุกๆ เรื่อง"

นายสนธิ กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า บมจ.อสมท.ไม่ใช่สื่อมวลชนแต่เป็นเครื่องมือของรัฐบาล ที่พูดเช่นนี้ต้องแยกแยะคนทำงานใน อสมท.ออก จากการร่วมงานของคนในอสมท. เป็นคนดี เป็นคนน่ารัก มีคนที่เป็นมืออาชีพอยู่มาก แต่ว่าจำใจต้องอยู่ในเงื่อนไขต่างๆ

นายสนธิ พูดถึงความรู้สึกว่า ไม่ได้ย่อท้อ ตนเพียงเชื่อ มีศรัทธา ในสิ่งที่ทำ ไม่ได้ทำเพียงเพราะว่ามีคนจะให้ผลประโยชน์

" รัฐบาลชุดนี้ เป็นชุดที่กลัวเงาตัวเอง แม้กระทั่งเงาตัวเองเห็นยังกระโดดหนี เพราะฉะนั้น ผมคิดว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ต้องการพูดข้างเดียว ใครไม่เห็นด้วย ไม่รักชาติ เพราะฉะนั้นรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ผูกขาดการรักชาติแต่ผู้เดียว"

ด้านนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กล่าวว่า รู้สึกเสียดายเมืองไทยรายสัปดาห์ ในฐานะที่เป็นพิธีกร เป็นคนที่ดำรงอาชีพสื่อมวลชน ก็ได้เรียนรู้กับรายการนี้มามาก ใน 2 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นโอกาส เสียดายที่ไม่ได้เรียนรู้ต่อ แต่ก็ในฐานะผู้น้อยก็ขอที่จะอยากจะดำรงอาชีพนี้ต่อไป แล้วก็จะได้ถือโอกาสที่จะเรียนรู้ต่อไปอีกเช่นเดียวกัน

***เมืองไทยรายสัปดาห์ยังไม่เลิก

นายสนธิเปิดเผยว่า รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ยังคงมีต่อไป ตามปกติ โดยจะแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ช่อง นิวส์ 1 ทุกคืนวันศุกร์เวลา 22.00-23.30 ตั้งแต่คืนนี้ เป็นต้นไป นอกจากนั้นยังสามารถรับชมผ่านอินเตอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ แมเนเจอร์ออนไลน์ และรับฟังทางสถานีวิทยุชุมชน FM 97.75

****อสมท.แจงเหตุผล

บ่ายวันนี้ นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายธง ทอง จันทรางศุ กรรมการ บมจ. อสมท และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท ร่วมแถลงผลการประชุม คณะกรรมการบริหารของบริษัท ซึ่ง มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ระงับสัญญาเช่าเวลารายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" กับบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2548 เป็นต้นไป

นายเรวัต กล่าวว่า หลายครั้งที่นายสนธิ ได้ พาดพิงถึงบุคคลภายนอก ในลักษณะที่เป็นการกล่าวอ้างฝ่ายเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบ ได้กล่าวแก้หรือชี้แจงแต่อย่างใด ทำให้เกิดข้อโต้แย้ง รวมทั้งเป็นข้อพิพาท เป็นคดีความมาแล้วหลายคดี ทั้งนี้ บมจ. อสมท ได้เคยตักเตือนและได้ขอร้องทั้งด้วยวาจาและด้วยหนังสือหลายครั้ง เพื่อให้นายสนธิฯ มีความระมัดระวังในการดำเนินรายการ และไม่ล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นอันเป็นความรับผิดชอบพื้นฐานของสื่อมวลชนโดยทั่วไป

ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นายสนธิฯ ได้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ โดยกล่าวอ้างถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ครั้งล่าสุด เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2548 ตลอดเวลาของรายการยาวเกือบหนึ่งชั่วโมง นายสนธิฯ ได้กล่าวถึงการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ว่าเป็นการละเมิดหรือขัดพระราชอำนาจ ทั้งยังนำบทความซึ่งไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนเรื่อง พ่อของแผ่นดิน มาอ่านในรายการ มีเนื้อความบางช่วงตอนพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชนได้

โดยที่ตระหนักและคำนึงว่า การดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับกรณีข้างต้นนี้ เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน และมีผลกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุดของประชาชนชาวไทย บมจ. อสมท ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ต่อไป นายเรวัต และนายมิ่งขวัญ จึงได้ขออนุญาตเข้าพบ นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ ในวันอังคารที่ 13 กันยายน 2548 ระหว่างเวลา 09.00 - 10.15 น. โดยมีรองราชเลขาธิการ นายสนอง บูรณะ และเลขาธิการคณะองคมนตรี นายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ ร่วมอยู่ด้วย

จากการเข้าพบดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสำนักราชเลขาธิการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมอบหมายให้นายสนธิฯ หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด ไปกล่าวอ้างถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยปริยายแต่ประการใดทั้งสิ้น

บมจ. อสมท ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวงการสื่อมวลชน ตระหนักดีและเห็นความสำคัญของสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นว่า สิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยนั้น ต้องอยู่เคียงคู่กับความรับผิดชอบ ในความถูกต้องและความเหมาะควรของข่าวสารที่นำเสนอต่อประชาชนด้วย สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นที่เคารพสักการะและเทิดทูนของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า การกล่าวอ้างพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ พึงกระทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงหรือตอบโต้ความเข้าใจผิดได้ในทุกกรณี บมจ. อสมท ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนและในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชนชาวไทยจึงสำนึกว่าเป็นหน้าที่ของ บมจ. อสมท ที่จะต้องตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

ดังนั้น บมจ.อสมท. จึงขอระงับสัญญาเช่าเวลาเพื่อจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์กับบริษัทไทยเดย์ ดอทคอม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2548 เป็นต้นไป

นายธงทอง กล่าวเสริมว่า โชคร้ายของอสมท.ที่มาเกิดเรื่องนี้ในเวลานี้ พร้อมกันกับข่าวการเข้าเทคโอเวอร์หนังสือพิมพ์ใหญ่ในเวลานี้ ทำให้หลายคนอาจจะมองว่า มีอำนาจรัฐบาลเข้ามาคุกคามสื่อมวลชน ซึ่งก็มีสิทธิ์คิดได้

" ไม่ใช่เป็นการปกป้องรัฐบาล แต่ทำเพราะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯของพระมหากษัตริย์ ถ้าต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กับพระมหากษัตริย์ ผมชั่งแล้ว"

ด้านนายมิ่งขวัญกล่าวว่า สำหรับรายการที่จะนำมาออกอากาศแทนนั้นจะเป็นสารคดี แต่ยังไม่สามารถระบุว่าจะเป็นเรื่องอะไร เพราะเป็นเรื่องกระชั้นชิดมาก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.