|
“ไชยวัฒน์”วางมือ“สวนสยาม” หลังปรับโครงสร้างหนี้เหลือ500ล.
ผู้จัดการรายวัน(16 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
สวนสยามเริ่มยิ้มออก หลังเจรจามาราธอนกับแบงก์กรุงเทพเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ เผยล่าสุดเหลือแค่ 500 ล้านบาท พร้อมเปิดทางให้กู้ต่ออีกได้ ไชยวัฒน์ ประกาศวางมือปีหน้า พร้อมดันลูกชายขึ้นบริหารแทน เตรียมนำบริษัทฯเข้าตลาดหุ้น ระดมทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการต่อเนื่อง
นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมรพันธุ์นคร จำกัด ผู้บริหารสวนสยาม ทะเล-กรุงเทพ เปิดเผยว่า ในปีหน้ามีแผนที่จะปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ โดยจะวางมือจากการบริหารงานและเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่เข้ามาแทนโดยจะแต่งตั้งให้นายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมรเลิศ ซึ่งเป็นลูกชายจากตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร ขึ้นมารับตำแหน่งแทน และจะพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้เป็นธุรกิจแบบมืออาชีพมากขึ้น และจะมีการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้มีการวางรากฐานและแก้ไขปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งยังเตรียมที่จะนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย
ล่าสุดแผนการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับแบงก์กรุงเทพฯมีความคืบหน้าไปมาก หลังจากเป็นหนี้มานาน 25 ปี โดยล่าสุดมูลค่าหนี้เหลือประมาณ 500 ล้านบาท และแบงก์กรุงเทพฯยังมีแผนที่จะให้กู้เพิ่มอีกในวงเงิน 500 ล้านบาทด้วย ทั้งนี้จะนำที่ดินบริเวณถนนลาดพร้าวของบริษัทฯประมาณ 14 ไร่เศษ ที่มีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทมาชำระ ส่วนที่เหลืออีก 100 ล้านบาทนั้น จะทยอยจ่ายให้ครบภายในเวลา 5 ปี แบ่งเป็นช่วง 2 ปีแรก จ่ายปีละ 840,000 บาท และปีที่สามจำนวน 2 ล้านบาท ปีที่สี่และห้า จ่ายในส่วนที่เหลือทั้งหมด
สำหรับการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นมีแผนที่จะระดมทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาปรับปรุงกิจการ ซึ่งธุรกิจสวนสนุกสวนน้ำนั้นไม่สามารถอยู่เฉยได้ ต้องมีการก่อสร้างและนำของเล่นใหม่ๆเข้ามาเสมอ โดยแผน 3 ปีนับจากนี้ กำหนดวงเงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท มีเป้าหมายที่จะต้องเพิ่มเครื่องเล่นใหม่ปีละ 1 ชนิด โดยวันที่ 1 ตุลาคมนี้จะเปิดโครงการผจญภัยแดนไดโนเสาร์ หรือจูราสสิคปาร์ค แอดเวนเจอร์ ขณะเดียวกันจะสร้างอุทยานประวัติศาสตร์กลางน้ำพระอภัยมณี มูลค่า 150 ล้านบาท สร้างบ้านผีสิง มูลค่า 50 ล้านบาท สร้างหอสมุดปลาและอะควาเรียมมูลค่า 100 ล้านบาท และอีกโครงการคือ สยามซิตี้วอล์ค มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่และเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว
นายไชยวัฒน์มองว่า ด้วยศักยภาพของประเทศไทย ตลาดสวนสนุก สวนน้ำยังไปได้ ซึ่งรัฐบาลควรที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมและสนับสนุนเอกชน โดยมีแนวคิดที่จะเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือทางด้านระบบสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น อาจจะคิดราคาพิเศษเพื่อให้ธุรกิจมีต้นทุนต่ำสามารถอยู่ได้ ซึ่งธุรกิจสวนน้ำสวนสนุกนี้สามารถที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ด้วย ซึ่งบริษัทฯตั้งงบประมาณ การตลาดไว้ที่ 20 % จากรายได้ทั้งหมด รวมทั้งการจัดโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วย หรือการแจกบัตรคูปองส่วนลด 50% กว่า 14 ล้านใบต่อปี จากราคาค่าเข้า 200 บาทต่อคน
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายหลังจากที่ได้มีการปรับแผนการตลาดใหม่ครั้งนี้ว่า จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่มีรายได้เมื่อปีที่แล้ว 140 ล้านบาท แต่มีกำไรเพียง 10 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 5 ปีจากนี้จะมีรายได้กว่า 210 ล้านบาท และปีนี้จะมีกำไร 20 ล้านบาท ส่วนจำนวนผู้เข้มาเที่ยวนั้นคาดหมายว่าจะมีประมาณ 2 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1 ล้านคนต่อปี แบ่งสัดส่วนเป็นคนไทย 80% และอีก 20% เป็นคนต่างชาติ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|