นักวิเคราะห์หุ้นฟันธงอากู๋ฮุบสื่อได้ไม่คุ้มเสีย


ผู้จัดการรายวัน(15 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

นักวิเคราะห์ชี้แผนเทกโอเวอร์หนังสือพิมพ์ แกรมมี่ใช้เงินสูง แต่มองไม่เห็นประโยชน์ชัดเจนแถมต้องแบกหนี้-ดอกเบี้ย รุมถามผู้บริหาร จะปรับเพิ่มราคาทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์มติชนหรือไม่หลังราคาหุ้นในตลาดสูง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ขณะที่ผู้บริหาร ปิดปากเงียบเผ่นหนีไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังเรียกนักวิเคราะห์ชี้แจงข้อมูลซื้อหุ้นมติชน-โพสต์

วานนี้(14 ก.ย.)บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย (GMMM) ได้เชิญนักวิเคราะห์หลักทรัพย์มารับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นบริษัทมติชน(MATI)และบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง (POST)ที่อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลสชั้น 21 ซึ่งเริ่มชี้แจงในเวลา ประมาณ 14.00 น.และเสร็จสิ้นประมาณ 16.00 น.ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 2 ชั่วโมง การชี้แจงข้อมูลในครั้งนี้ บริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปร่วมรับฟังข้อมูล โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 3 คนที่ทำหน้าที่คอยกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวที่ไปดักรอทำข่าวเข้าไปและเมื่อผู้บริหารบริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียชี้แจงเสร็จสิ้นนายสุเมธ ดำรงชัยธรรมกรรมการบริษัทได้เดินหนีขึ้นลิฟท์ทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยกั้น

นางสาวสิริณัฎฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังฟังคำชี้แจงว่าบริษัทได้ชี้แจงว่าการเข้ามาถือหุ้นในบริษัททั้ง 2 แห่งจะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ซึ่งจะเป็นการให้บริการสื่อที่ครบวงจรแก่ลูกค้าได้ ส่วนประเด็นที่นักวิเคราะห์สอบถามจะเกี่ยวกับการที่บริษัทเข้ามาถือหุ้นในบริษัทมติชนในสัดส่วนประมาณ 32% ถือว่ายังไม่สูงมากนัก จะมีความเสี่ยงต่อการลงทุนหรือไม่

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกราย กล่าวว่า จากการรับฟังข้อมูลในครั้งนี้ ทำให้ประเมินว่าผลประกอบการของ GMMM มีโอกาสลดลงได้ เนื่องจากบริษัทได้ไปกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 2.2 พันล้านบาท และมีต้นทุนดอกเบี้ยประมาณ 5% ดังนั้นเฉลี่ยต้นทุนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายในระดับ 110 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าผลประกอบการที่ได้รับจากการดำเนินงานอาจจะไม่ครอบคลุมต้นทุนดอกเบี้ยก็ได้จึงเป็นปัจจัยที่จะต้องจับตามอง

ทั้งนี้การชี้แจงในครั้งนี้ถือว่าไม่น่าพอใจเท่าที่ควรเพราะมีหลายเรื่องที่บริษัทไม่ชี้แจงให้ชัดเจนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะสอบถามเกี่ยวกับราคาที่ทำคำเสนอซื้อของบริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นละ 11.10 บาทหรือไม่ เพราะราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาที่ทำคำเสนอซื้อแล้ว แต่บริษัทก็ไม่ยอมชี้แจงที่ชัดเจน เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อแผนการเสนอซื้อหุ้นในครั้งนี้

นักวิเคราะห์บล.บัวหลวง วิเคราะห์การเข้าซื้อ MATI และ POST ของ GMMM ครั้งนี้ (รวมถึง Tender Offer) ใช้เงินทุนรวมสูงถึง 2,700 ล้านบาท ในขณะที่สินทรัพย์ของ GMMM ในไตรมาส 2/48 มีเพียง 2,400 ล้านบาทเท่านั้น (ซึ่งรวมเงินสด 1,000 ล้านบาทแล้ว) ทั้งนี้ GMMM ได้อนุมัติการขอวงเงินกู้ระยะสั้น (Bridging Loan) เป็นจำนวน 2,200 ล้านบาท เพื่อใช้ในรองรับแผนการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้

สำหรับ MATI ประกอบด้วยหนังสือพิมพ์หลัก 3 ฉบับคือ มติชน ข่าวสด และ มติชนรายสัปดาห์ ในขณะที่ POST ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และ โพสต์ทูเดย์ โดยทั้งสองบริษัทมีผลกำไรที่ดีมาตลอด ปี 47 POST มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 194 ล้านบาท โดยในปี 48 นี้คาดว่าจะมีกำไรอยู่ที่ 140 ล้านบาท (คิดจากกำไรทั้งปีจากกำไรที่ประกาศจริงในช่วงครึ่งปีแรกของ 2548) ส่วนทาง MATI ปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 103 ล้านบาท และในปีนี้ทั้งปีคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 110 ล้านบาท (คิดจากกำไรทั้งปีจากกำไรที่ประกาศจริงในช่วงครึ่งปีแรกของ 2548) ณ ราคาซื้อ MATI ที่ 11.10 บาท PE ของ MATI ในปีนี้จะอยู่ที่ 20.7 เท่า ในขณะที่PE ของ POST จะอยู่ที่ 30.1 เท่า คิดจาก ราคาเข้าซื้อ POST

การลงทุนเป็นจำนวนที่สูงมากในครั้งนี้ทำให้ GMMM ไม่น่าจะมีการจ่ายเงินปันผลได้มากเหมือนในอดีต จากประมาณการเราคาดว่า GMMM อาจจะต้องมีการกู้ยืมเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นมาจากเดิมไม่มีหนี้สินเลยทำให้มาเป็นบริษัทที่มีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 1 เท่า ในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้เรายังมองไม่เห็นประโยชน์ส่วนเพิ่มที่ชัดเจนระหว่าง ธุรกิจบันเทิง (GMMM) และธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ (POST และ MATI) ทั้งนี้เรามองว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้น่าจะมาแต่เพียงในรูปของเงินปันผล คงคำแนะนำ “ถือ”

ทั้งนี้ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2548 บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดียได้แจ้งสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ว่าได้หุ้นบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำนวน 24.52 ล้านหุ้นหรือ 4.90% โดยเป็นการได้มาซึ่งเป็นการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ภายหลังการได้มาทำให้บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดียถือหุ้นบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่งในสัดส่วน 20.86%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.