KPMGยกไทยเป็นศูนย์กลาง รุกที่ปรึกษาธุรกิจย่านอินโดจีน


ผู้จัดการรายวัน(1 ตุลาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

เคพีเอ็มจี (ประเทศไทย) ประกาศศักดาสู่ความผู้นำธุรกิจบริการวิชาชีพด้านการสอบบัญชีและที่ปรึกษา ธุรกิจที่มีความหลากหลาย เตรียมขยายเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมภูมิภาคอินโดจีน เพื่อสนองความต้องการลูกค้าในภาคธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดปีหน้าธุรกิจนี้เติบโตอีกอย่างน้อย 10%

นางไขศรี นิธิการพิศิษฐ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เคพีเอ็มจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้เคพีเอ็มจี (ประเทศไทย) ได้เร่งขยายเครือข่ายงานบริการให้สามารถสนองความต้องการของตลาด โดยครอบคลุมถึงบริการด้านการสอบบัญชี บริการ ที่ปรึกษาธุรกิจ ที่ปรึกษาการเงิน ที่ปรึกษาภาษีอากรและกฎหมายธุรกิจ ที่ปรึกษา ระบบคอมพิวเตอร์และระบบบริหารต่างๆ การฟื้นฟูกิจการ การจัดโครงสร้างหนี้ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการกำกับดูแลกิจการ ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความ พร้อมโดยการฝึกพนักงานระดับมืออาชีพที่มีความรู้ความสามารถ และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื้อให้บริการดังกล่าวรวมกว่า 1,100 คน ณ ที่ทำการหลักสองแห่งคือ สำนักสาทร และสำนักสยามทาวเวอร์

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมแผนขยายเครือข่ายบริการ ไปยังภูมิภาคอินโดจีน เนื่องจากมองว่าประเทศเหล่านี้มีอัตราการเจริญเติบโตทางธุรกิจดีขึ้นมาก และมีความต้องการใช้งานด้านวิชาชีพ ทั้งการสอบบัญชี และที่ปรึกษาธุรกิจ โดยปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานในประเทศพม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย และได้ส่งพนักงานจำนวนหนึ่งไปให้บริการอยู่แล้ว โดยมีที่ทำการหลักประจำอยู่ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งในอนาคตอันใกล้บริษัทมีแผนส่งทีมงานบริการไปให้บริการมากขึ้น รวมทั้งจะปฏิบัติงานประจำในประเทศดังกล่าวด้วย

เคพีเอ็มจี (ประเทศไทย) ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงาน เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ในการขยายขอบข่ายธุรกิจการบริการ ให้มีลักษณะเป็นสำนักงานภูมิภาค ในอนาคต โดยการให้บริการทั้ง หมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของเคพีเอ็มจี ประเทศไทย

สำหรับฐานลูกค้าของบริษัท ในปัจจุบัน มีทั้งลูกค้าที่เป็นบริษัท ไทย และบริษัทข้ามชาติ โดยมีสัดส่วนลูกค้าอยู่ที่ 60% และ 40% ตามลำดับ และคาดว่าในปีหน้าธุรกิจในด้านนี้จะเติบโตขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10% สำหรับการแข่งขันใน ตลาด บริษัทได้ชูจุดเด่นในเรื่องของบุคลากรที่มีประสบการณ์ระดับมืออาชีพทำงานในด้านนี้มาเป็นเวลานาน ทำให้มีความชำนาญ และมีความเข้าใจในกลไกตลาดและความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยเป็นอย่างดี เมื่อประกอบกับเทคโนโลยีในการให้บริการและฐานข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรในแต่ละประเภทของสำนักงานเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ ซึ่งครอบคลุม ถึงภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องนี้

"ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล นั่นคือ เราได้ใช้เทคโนโลยีในการให้บริการและ ฐานข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมในแต่ละประเภท ซึ่งครอบคลุมถึงภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ทีม งานบริการของไทยรับความรู้และ ได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ในการให้บริการจากที่ต่างๆ นอกเหนือจากที่มีในเมืองไทย ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาคิดค้น" นางไขศรีกล่าว

นอกจากนี้ ประโยชน์ที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่คือ สามารถรองรับลูกค้าในส่วนของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งลูกค้าประเภทนี้จะนิยมใช้วิวัฒนาการทางวิชาการ และเทคโนโลยีในตะวันตกซึ่งมีความทันสมัยมาบริหารงาน

สำนักงานเคพีเอ็มจี อินเตอร์ เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเคพีเอ็มจี (ประเทศไทย) ถือเป็นเครือข่าย ขององค์กรที่ให้บริการทางวิชาชีพ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดย มีเครือข่ายที่เป็นสำนักงานสมาชิก ทั่วโลกใน 155 ประเทศ และมีพนักงานที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญด้านงานบริการกว่า 108,000 คน มุ่งเน้นให้บริการที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ลูกค้า ผู้ใช้บริการ ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจและมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง ตลอดจนมีการบริหารงานที่โปร่งใส และเป็นธรรม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.