|
เปิดแผนกลุ่มปิคนิคฝ่าวิกฤตลุยงานกฟผ. ผลิตเอทานอล
ผู้จัดการรายวัน(12 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ปิคนิค" เปิดแผน ฝ่าวิกฤต ลุยปรับโครงสร้างทางการเงิน มั่นใจการเพิ่มทุน 2,200 ล้านบาท และการแปลงหนี้สั้นเป็นหนี้กลางและยาวฉลุย พร้อมเดินหน้าสร้างรายได้ให้ธุรกิจ ซื้อ World Gas ลดต้นทุนและทำให้ธุรกิจใหญ่ขึ้น ในต่าง ประเทศขยายกิจการเวียดนาม เพิ่มสัดส่วนลงทุนเอเชีย ด้านวิศวกรรมเดินหน้ารับงาน กฟผ. โดยยังไม่รับรู้ รายได้อีก 2,000 ล้าน ส่วนการผลิตเอทานอล 5 แสนตันต่อเดือน สิ้นปีผุดโรงงาน คาดปีนี้รายรับ 22,000 ล้าน หรือโต 300%
นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินว่า ปิคนิคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นโดยแนวทางแรกได้ใช้วิธีการเพิ่มทุน โดยให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นเดิมซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ราคาหุ้นละ 1.50 บาท จำนวนทั้งสิ้น 1,480 ล้านหุ้น ซึ่งจะได้เงินประมาณ 2,200 ล้านบาท และปิคนิคจะนำเงินส่วนนี้ไปซื้อคืนตั๋ว B/E จากเจ้าหนี้ เพื่อเคลียร์หนี้ระยะสั้นทั้งหมด จะซื้อคืนตั๋ว B/E จากเจ้าหนี้ โดยจะทำให้ปิคนิคลดหนี้ได้ 2,200 ล้านบาท และหนี้ส่วนนี้จะกลายมาเป็น ส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งความคืบหน้าการ ขายหุ้นเพิ่มทุนขณะนี้ น่าจะได้เงินครบ ทั้งหมด เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่จะใช้สิทธิ์ รายใหญ่ก็คอนเฟิร์ม ถ้าจะเหลือก็คงเล็กน้อย หรือถ้าไม่หมดจริงๆ ก็มีผู้ลงทุนภายนอกจองใช้ สิทธิ์เข้ามาหลายราย นายณัฐชัยกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของหนี้ระยะสั้นที่ปิคนิคเป็นหนี้กับสถาบันการเงินต่างๆ จะมีการเจรจาเพื่อแปลง หนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะกลางและยาว 3-5 ปีแทน โดยในปัจจุบันนี้ปิคนิคมีหนี้กับสถาบันการเงินรวม 6,100 ล้านบาท แยกเป็นหนี้ระยะสั้น 4,800 ล้านบาท และระยะยาว 1,300 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้รับการอนุมัติให้แปลงหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาวจากสถาบันการเงินแล้ว 1 ราย ส่วนอีก 4 รายกำลัง เสนอบอร์ดเพื่อขออนุมัติ คาดว่าน่าจะได้ข้อยุติในเร็วๆ นี้ผลจากการปรับ โครงสร้างทางการเงินในครั้งนี้ จะทำให้ ปิคนิคมีสัดส่วนทุนเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ล้านบาท หนี้ลดลงเหลือประมาณ 4,000 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อทุนเหลือ 0.66 ต่อ 1 ซึ่งถือว่าฐานะทางการเงินของปิคนิคดีขึ้นอย่างมาก
นายณัฐชัยกล่าวว่า เมื่อปรับโครงสร้างทาง การเงินเสร็จแล้ว ปิคนิคจะมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีแผนที่จะเพิ่มศักยภาพในการลงทุนในธุรกิจหลัก 4 ธุรกิจ ได้แก่ ก๊าซ LPG น้ำมัน วิศวกรรม และพลังงานทดแทน โดยในส่วนของธุรกิจ LPG หลังจากนี้ไปจะเดินหน้าซื้อกิจการของ World Gas เพื่อทำให้ตลาดของปิคนิคใหญ่ขึ้น และทำให้เกิด Economy of Scale ซึ่งจะช่วยในการลดต้นทุน และมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยในพื้นที่ๆ มีสาขาของปิคนิค และ World Gas ซ้ำซ้อนกัน ก็จะจับรวมเป็นสาขาเดียวกัน ขณะเดียวกันจะมีการปรับทีมงานในการบริหารจัดการให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
ส่วนแผนการขยายตลาดก๊าซ LPG ภายในประเทศจะขายตรงไปยังผู้ใช้ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น ปั๊มน้ำมัน ออโต้แก๊ส และในส่วนของก๊าซหุงต้มจะขยาย ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะโรงบรรจุมีเพียงพออยู่แล้ว รวมทั้งจะขยายการใช้ก๊าซ LPG เข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมด้วย ทางด้านการลงทุนในต่างประเทศ ปิคนิคได้ซื้อกิจการก๊าซที่เวียดนามเมื่อปีที่แล้ว มียอดขาย 2,500 ตันต่อเดือน แต่ขณะนี้มียอดขาย 5,000 ตันต่อเดือน หลังจากลงทุนสร้างคลังเพิ่ม และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 7,000 ตันต่อเดือน โดยในเวียดนามมาร์จิ้นในส่วนของการบรรจุถังมีสูง ซึ่งจะขยายการบรรจุถังให้มากขึ้น
"ปิคนิคยังมองการลงทุนในประเทศแถบเอเชีย อื่นๆ ที่เริ่มใช้แก๊ส โดยแนวทางจะเข้าไปซื้อกิจการของบริษัทที่มีอยู่ แล้วไปร่วมมือกับบริษัทที่เหลือเป็น พันธมิตรกันสร้างความต้องการใช้แก๊สให้เพิ่มขึ้น ถ้าดีมานด์โตแล้ว ตอนนั้นต่างคนต่างแยกก็ได้ หรือในบางประเทศที่มีวอลุ่มเยอะๆ เราก็จะเข้าไปทำเทรดดิ้งกับเขา เพราะเขาทำไม่ไหว เราเข้าไป มีโอกาสเติบโต สูง" นายณัฐชัยกล่าว
ในส่วนของธุรกิจน้ำมัน นายณัฐชัยกล่าวว่า ขณะนี้ปิคนิคมีโครงข่ายของปั๊มน้ำมัน MP อยู่ โดยมีอยู่ประมาณ 120 สาขา ซึ่งจะมีการเพิ่มปริมาณการ ขายน้ำมันให้มากขึ้น แต่จะไม่มีการกำหนดมาร์จิ้นให้หน้าปั๊ม โดยปล่อยให้ราคาขยับตามตลาด
สำหรับในด้านวิศวกรรม ปัจจุบันปิคนิคมีโครงการอยู่ในมือประมาณ 4,000 ล้านบาท เป็นส่วน ที่ยังไม่รับรู้รายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยงาน ส่วนใหญ่ที่ปิคนิครับผิดชอบจะเป็นงานในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะมีการรับงานเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการ ช่วยโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ประหยัดพลังงาน โดยปิคนิคจะมีทีมงานเข้าไปช่วยศึกษาการใช้พลังงานในโรงงาน และดูว่าส่วนใหญ่จะปรับปรุงได้ ถือเป็น การเพิ่มรายได้ให้ปิคนิคอีกทางหนึ่ง
ส่วนในด้านธุรกิจพลังงานทดแทน ขณะนี้ปิคนิคได้รับการอนุมัติให้ผลิตเอทานอล 5 แสนลิตร ต่อวัน โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบเพื่อรองรับการยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 95 ในปี 2550 แล้วหันมาใช้แก๊สโซฮอล์แทน ซึ่งในตอนนั้นจะมีความต้องการใช้เอทานอลวันละ 3 ล้านลิตร ทั้งนี้ ปิคนิคกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกสถานที่ เทคโนโลยีเพื่อก่อสร้างโรงงาน และหาสถาบันการเงินสนับสนุน การลงทุนที่มีมูลค่าราว 1,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในสิ้นปีนี้ แล้วเสร็จภายใน 15-18 เดือน
จากแผนการดำเนินธุรกิจข้างต้น จะทำให้ปิคนิคมีรายรับรวมในปีนี้ประมาณ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300% โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายรับรวมแล้ว 10,400 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายไว้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ปิคนิคจะมียอดรายรับรวม 30,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3-5% ตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ (จีดีพี)
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|