นายกฯยืนยัน"สายสีม่วง"เดินหน้าต่อ


ผู้จัดการรายวัน(9 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ทักษิณ" ยืนยันจะลงทุนรถไฟฟ้าในสายสีม่วงต่อ ส่วน สนข.-ร.ฟ.ท.เร่งประมูลสายสีแดง ปีนี้ เตรียมหารือสรุปรายละเอียดการ ก่อสร้างมูลค่าเกือบ 100,000 ล้านบาท คาดแบ่งย่อย 5-6 สัญญาเปิดประมูล เตรียมงบเวนคืน 5,000 ล้านบาท พร้อมเสนอเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย รูปแบบระบบบีอาร์ที-ไลท์เรล-เฮฟวี เรล เสนอ "พงษ์ศักดิ์" สัปดาห์หน้า ขณะที่กระทรวงพลังงานชงมาตรการ เสนอทักษิณชี้ขาดวันนี้ (9 ก.ย.) ด้านผู้ค้าน้ำมันค่ายใหญ่เว้นปตท.ดาหน้าขึ้นน้ำมันดีเซล เบนซินวันนี้ 40 สตางค์ต่อลิตร บังคับปิดปั๊มถาวรรวมมินิมาร์ท

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแผนการลงทุนในโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (mass transit) ทั้ง 7 สายว่า แผนการลงทุนส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม มีเพียงการปรับเล็กน้อยบางส่วน เช่น การวางเส้นทางใหม่เพื่อให้มีการขนส่งผู้ใช้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรูปแบบการลงทุนจะเป็นระบบรถไฟฟ้าเหมือนเดิม ทั้งแบบลอยฟ้าและใต้ดิน แต่ในส่วนของเส้นทางเชื่อมต่อข้างนอกก็อาจจะปรับขนาดเป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดเล็ก (mono rail) และระบบช่องทางด่วนพิเศษหรือรถเมล์ (บีอาร์ที) สำหรับเส้นทางที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการน้อย แต่หากภายหลังพื้นที่ดังกล่าวมีจำนวน ผู้ใช้จำนวนมากแล้ว ก็จะปรับระบบมา เป็นระบบรางต่อไป

"ตอนนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษา รายละเอียด โดยภายหลังเดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกาก็จะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องทันที ซึ่งหาก มีข้อสรุปแบบไหนก็ต้องทำแบบนั้น ทั้งนี้ยืนยันว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และภายในปีนี้จะต้องเริ่มลงทุนในโครงการเมกะ- โปรเจกต์แล้วเพราะเรื่องนี้รัฐเอาจริงและขีดเส้นตายไว้แล้ว หากมีรัฐมนตรีกระทรวงใดไม่สามารถเปิดประมูลโครงการได้ทันภายในปีนี้ก็จะโดนคาดโทษทันที" นายกรัฐมนตรีกล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อไปถึงโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วงว่า (บางซื่อ-บางใหญ่) น่าจะเป็นระบบรถไฟฟ้าจนถึงบางใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลในทุกๆ 2 ตารางกิโลเมตร

สนข.-ร.ฟ.ท.เตรียมประมูลสายสีแดงทั้งหมด

นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (9 ก.ย.) จะหารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อสรุปรายละเอียดแผนการ ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งหมด ซึ่ง ร.ฟ.ท.เป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้าง โดยจะเปิดประมูลหาผู้รับเหมาในเส้นทางแรก บางซื่อ-รังสิต ภายในเดือน ธ.ค. นี้ และเริ่มก่อสร้างเดือน มี.ค. 2549 ทั้งนี้ ประเด็นหลักคือจะต้องมีการแบ่งสัญญาการก่อสร้างเป็นสัญญาย่อยเพื่อให้แต่ละสัญญามีมูลค่าโครงการไม่สูง มากเพื่อเปิดกว้างให้ผู้รับเหมาหลายรายเข้ามาร่วมประมูลรวมถึงสรุปกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง รายละเอียดการก่อสร้าง เนื่องจากในการออกแบบมีการทำรายละเอียดก่อสร้างไว้หลายส่วน สรุปการว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง การกำหนดทีโออาร์ เพื่อหาผู้รับเหมา และช่วงระยะเวลาการเปิดขาย ทีโออาร์

โดยรถไฟฟ้าสายสีแดงคาดว่าจะใช้งบประมาณ ในการเวนคืนที่ดินและจัดสรรที่อยู่ใหม่ให้ประชาชนประมาณ 14,000 คน ตลอดสายทางประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วนการก่อสร้างคาดว่าจะแบ่งเป็น 5-6 สัญญาย่อย ได้แก่สัญญาก่อสร้างสาย บางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 24.6 กม. มูลค่า 28,474 ล้านบาท สัญญาสายบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 14.7 กม. มูลค่า 13,000 ล้านบาท สัญญาสายหัวลำโพง-มหาชัย ระยะทาง 36 กม. มูลค่า 39,356 ล้านบาท สัญญาสถานีรถไฟบางซื่อ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และสัญญาสายบางซื่อ-หัวลำโพงและบางซื่อ-มักกะสัน ระยะทาง 18.5 กม. มูลค่า 17,600 ล้านบาท

"แผนเวนคืนจะมีเรื่องการอพยพประชาชนที่อยู่ตามแนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งหมดด้วย โดยต้องหาที่อยู่อาศัยให้ใหม่ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งต้องประสานกับการเคหะแห่งชาติ โดยแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงจะสรุปโดยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล มว.คมนาคมภายในสัปดาห์หน้า" นายคำรบลักขิ์กล่าว

ส่วนความคืบหน้าในการศึกษารูปแบบการก่อสร้างรถไฟฟ้าโดยเฉพาะเส้นทางสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ และบางซื่อ-ราษฎร์บูรณะ และสายสีส้ม ช่วงบางกะปิ-บางบำหรุนั้น สนข.ได้ศึกษาไว้กว้างๆ 3 รูปแบบ คือรถไฟฟ้าแบบเฮฟวี เรล ซึ่งเป็นรูปแบบเดิม ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ออกแบบรายละเอียดก่อสร้างไว้แล้ว รูปแบบต่อมา คือรถไฟฟ้ารางเบา หรือ ไลท์เรล ซึ่งจะรวมรูปแบบรถรถไฟฟ้ารางเดียว หรือโมโนเรลไว้ด้วย และสุดท้าย คือรถเมล์ด่วนพิเศษ หรือบีอาร์ที

"รายละเอียดทั้งหมดนี้ผมจะทำเสนอครอบ คลุมทั้งงบประมาณการก่อสร้าง รูปแบบสถานี ระยะทาง การปรับเปลี่ยนเส้นทาง แล้วเสนอให้ รมว. คมนาคมภายในสัปดาห์หน้าเพื่อตัดสินใจเลือก รูปแบบการก่อสร้าง ส่วนกรอบเวลาการก่อสร้างทุกเส้นทางนั้นยังพยายามให้อยู่ในกรอบเดิม คือ ภายใน 5 ปีส่วนเส้นทางสายสีม่วงนั้นหากปรับเป็นบางใหญ่-บางเขนก็จะทำให้จำนวผู้โดยสารของสายสีแดงเพิ่มขึ้น 3% แต่สายสีน้ำเงินจะลดลง แต่หากใช้เส้นทางเดิม เข้าบางซื่อ ผู้โดยสารสายสีน้ำเงินก็จะมากขึ้น 3% สายสีแดงก็ลดลง ซึ่งไม่มีความแตกต่าง" นายคำรบลักขิ์ กล่าว

สำหรับความแตกต่างของงบประมาณในการก่อสร้างของรถไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบนั้น หากเลือกก่อสร้างแบบบีอาร์ทีจะมีงบก่อสร้าง 400 ล้านบาทต่อกิโลเมตร เพราะต้องทำเป็นทางยกระดับเพื่อให้มีความเร็ว 30 กม./ชม.เพื่อให้ทดแทนรถไฟฟ้าได้ แต่อาจมีข้อด้อยในกรณีต้องยกระดับสูงถึง 28 เมตรเมื่อผ่านทางแยก และจะเต็มความจุภายใน 10 ปี หากก่อสร้างแบบไลท์เรล งบก่อสร้างอยู่ที่ 800-1,000 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ความจุรองรับได้มากกว่า 20 ปี และหากก่อสร้างแบบเฮฟวี เรล ค่าก่อสร้างอยู่ที่ 1,200 ล้านบาทต่อกิโลเมตร

มีรายงานข่าวว่า จากการประเมินจำนวนผู้โดยสารล่าสุดของเส้นทางสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อนั้นอยู่ที่ 1.5 แสนคนต่อวัน ซึ่งในปี 2547 มีโครงการ ใหม่เกิดขึ้นกว่า 100 โครงการ และการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะเป็นนำการขยายตัวของเมือง และการคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารเป็นการทำตัวเลขแบบจำลอง ซึ่งผู้โดยสารจริงจะมากหรือน้อยอยู่ที่แนวเส้นทาง และรูปแบบของระบบที่มีความสะดวกมากกว่า ชงมาตรการเสนอทักษิณชี้ขาดวันนี้

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานจะนำเสนอแนวทางการประหยัดพลังงานต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา วันนี้ (9 ก.ย.) โดยมาตรการที่จะนำเสนอที่สำคัญจะเน้นการประหยัดน้ำมันเป็นหลัก ส่วนการจะกำหนดให้เป็นมาตรการบังคับหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของนายก-รัฐมนตรีจะตัดสินใจ โดยมาตรการที่จะเสนอได้แก่ การปิดปั๊มน้ำมันให้เร็วขึ้นจาก 22.00 น.-05.00 น. เป็น 21.00-05.00 น. โดยจะบังคับให้ปิดทั้งปั๊มและร้านสะดวกซื้อในปั๊ม (มินิมาร์ท)

"ยอมรับว่ามาตรการที่จะบังคับได้ง่ายและทันทีคงมีแต่การปิดปั๊มน้ำมัน ซึ่งมีการศึกษาไว้ที่ 2 ทุ่มกับ 3 ทุ่ม แต่การศึกษาพบว่า 3 ทุ่มจะมีข้อดีกว่าตรงที่ปั๊มจะจ้างงานได้พอดี 2 กะๆ ละ 8 ชั่วโมงและประชาชนจะไม่ได้รับผลกระทบเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯจะตัดสินใจ ส่วนมาตรการอื่นๆ คงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและให้นายกฯ ชี้ขาดว่าจะบังคับหรือไม่" แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากนี้ จะเร่งส่งเสริมการใช้ก๊าซ NGV ในรถยนต์และการขนส่ง เช่น การให้กรมขนส่งทางบกกำหนดให้รถแท็กซี่ใหม่ต้องใช้ NGV เท่านั้น จะเปิด ให้ปั๊มอื่นๆ เช่น บางจาก เชลล์ เข้ามาร่วมจำหน่ายก๊าซ NGV ด้วยนอกเหนือจากปตท.เพื่อขยายปั๊มให้มากขึ้น พร้อมกับจะมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้ท่อน้ำมันของบ.ขนส่งน้ำมันทางท่อหรือ FPT มาขนก๊าซ NGV แทนเนื่องจากต่อไปสนามบินจะย้ายไปอยู่สุวรรณภูมิ ซึ่งจะทำให้ปั๊มบริเวณถนนมักกะสัน- ดอนเมืองจะจำหน่าย NGV ได้มากขึ้นพร้อมกันนี้ยังมีข้อเสนอขอความร่วมมือจากห้างสรรพสินค้า กรุงเทพมหานครที่จะขยายจุดจอดรถแท็กซี่ (Taxi Stand) ให้มากขึ้นพร้อมความร่วมมือจากกรมตำรวจ ที่จะต้องเข้มงวดการจับกุมการขับขี่ในความเร็วที่กำหนด และจัดเขตรถเข้าเมืองจะต้องเน้นคาร์พูลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปให้มากกว่าเดิม

การให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์สูง พร้อมกับจะเร่งส่งเสริมให้มีการประหยัดพลังงานโดยให้คลังช่วยพิจารณาลดภาษีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงานโดยรวม และจะกำหนดให้อาคารที่สร้างใหม่จะต้องออกแบบให้มีลักษณะการประหยัด พลังงาน เป็นต้น

ขึ้นน้ำมัน 40 สต.วันนี้รับประหยัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 ก.ย.) ผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งประกอบด้วยเชลล์ในประเทศไทย จำกัด บ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทคาลเท็กซ์ ประเทศไทย และบมจ.บางจากได้แจ้งปรับราคาน้ำมัน ขายปลีกเพิ่มอีก 40 สตางค์ต่อลิตรทั้งเบนซินและดีเซลมีผลตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกเบนซิน 95 จะปรับจาก 26.94 บาทต่อลิตร เป็น 27.34 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 จาก 26.14 บาทต่อลิตรเป็น 26.54 บาทต่อลิตร ดีเซลจาก 23.39 บาทต่อลิตรเป็น 23.79 บาทต่อลิตรซึ่งเป็นราคาสูงสุดหรือนิวไฮใหม่ทั้ง 2 ชนิด

ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันรายหนึ่งระบุว่า แม้ว่าราคาตลาดโลกจะลดต่ำลงแต่ที่ผ่านมาผู้ค้ามีค่าการตลาดตกต่ำโดยเบนซินติดลบ 2 บาทต่อลิตร ดีเซล 1 บาทต่อลิตร ทำให้ผู้ค้าไม่สามารถทนแบกภาระได้โดยเฉพาะเชลล์ที่เป็นผู้ค้าที่ไม่ได้มีธุรกิจการกลั่นแล้ว ปตท.อั้นอีกแล้วแต่ไม่รู้กี่วัน

แหล่งข่าวจาก บมจ. ปตท.จะยังไม่ปรับราคาน้ำมันขายปลีกเพิ่มขึ้นตามผู้ค้ารายอื่นเนื่องจากจะขอรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์อีก 1-2 วันเพราะเห็นว่าทิศทางราคาน้ำมันในขณะนี้ได้เริ่มปรับลดลงอย่างต่อเนื่องมา 2-3 วันแล้ว โดยล่าสุดน้ำมันปิดตลาดสิงคโปร์วันที่ 7 ก.ย.เบนซิน 95 ลดลง 0.72 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 84.88 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลลดลง 0.67 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 75.80 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบดูไบลดลง 0.70 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 56.68 เหรียญต่อบาร์เรล เบรนท์ลดลง 0.58 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 63.44 เหรียญต่อบาร์เรล เวสต์เทกซัสลดลง 1.47 เหรียญต่อบาเรลปิดที่ 65.03 เหรียญต่อบาร์เรล


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.