|
ILINKดึงพันธมิตรประมูลงานต่างประเทศหวังขึ้นแท่นให้บริการอันดับ1ของอินโดจีนใน3ปี
ผู้จัดการรายวัน(8 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ILINK เดินหน้าเจรจากับพันธมิตรอย่าง SIS-IRCP หวังดึงมือร่วมประมูลงานในแถบอินโดจีนก่อนก้าวขึ้นแท่นอันดับ 1 ของย่านนี้ภายใน 3 ปี คาดปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนปี 49 ทะลุ 1 พันล้านบาท เชื่อธุรกิจวางระบบและโซลูชันโพรวายเดอร์ยังเติบโต ขณะที่ราคาหุ้นบวกรับ 16 สตางค์
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิว-นิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ILINK) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการ รุกทำธุรกิจในต่างประเทศ หลังจากที่บริษัทเป็นอันดับหนึ่งในด้านการให้บริการธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณในประเทศแล้วบริษัทตั้งเป้าที่จะเข้าไปรุกทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยเน้นประเทศแถบอินโดจีนเป็นหลัก
"ขณะนี้เราได้มีการเข้าเจรจากับ บริษัทเอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น จำกัด(มหาชน)(SIS)และบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(IRCP) ในการเข้าร่วม ทุนเพื่อเข้าประมูลงานในต่างประเทศ โดยจะนำจุดเด่นของแต่ละบริษัทมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน" นายสมบัติกล่าว
นอกจากนี้ยังมี AIT และ MFEC ไม่เว้นแม้แต่ IBM ที่เป็นลูกค้าของ ILINK ในอนาคตก็อาจหารือว่าจะะร่วม กันทำธุรกิจอะไรได้บ้าง เพราะบริษัท เหล่านี้ต่างอยู่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัน โดยเชื่อว่าจากศักยภาพของแต่ละ บริษัทจะหนุนให้การทำธุรกิจร่วมกันเป็นไปได้ด้วยดีตามความมุ่งมั่นที่ต้อง การเป็นที่หนึ่งของเอเชียด้วย เพราะใน แต่ละประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโต สำหรับธุรกิจประเภทนี้ด้วย ซึ่ง ILINK ตั้งเป้าเป็นหนึ่งในด้านการให้ บริการธุรกิจนี้ของอินโดจีนภายใน 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ILINK ต้องการรุกเข้าไปที่เวียดนามและลาวก่อน เพราะความต้องการและการเติบโตของธุรกิจ เพราะขณะนี้ในประเทศดังกล่าวนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นหลัก ซึ่งการจับมือกันของผู้ประกอบการธุรกิจสายเดียวกันจะทำให้เกิดการเกื้อหนุนต่อการดำเนินงานมากขึ้น
นายสมบัติกล่าวต่อว่า สำหรับปีนี้ผลการดำเนินงานของ ILINK ที่คาดว่ายอดขายจะเติบโต 710 ล้าน บาทนั้นน่าจะเป็นไปตามที่ตั้งไว้ เพราะปกติการเติบโตของบริษัทตั้งเป้า ไว้ที่ระดับ 20% สำหรับไตรมาส 3 นี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานคงค้าง 50 ล้านบาท และรายได้จากงานวางระบบไฟเบอร์ออปติกของการบินไทย 14 ล้านบาท งานวางระบบไฟเบอร์ออปติก และสายโทรศัพท์ ระบบ IP PHONE ขององค์การโทรศัพท์ 98 ล้านบาท และงานต่อเติมอาคารเทอร์มินอลและคองคอร์ด 60 ล้านบาท และยังมีงาน TURN KEY ระบบ IT ครบวงจร 3 งานมูลค่า 46 ล้านบาทซึ่งจะทยอยเข้ามาในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้
นอกจากนี้ ILINK ยังมีงานที่ต้องรอเข้าประมูลอีก คืองานวางระบบสายสัญญาณของการไฟฟ้า 20 ล้านบาท งานวางระบบสายสัญญาณ ของคิงส์พาวเวอร์ 30 ล้านบาท และงานโครงการ TURN KEY ระบบ AMR ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 202 ล้านบาท โครงการซื้อคุรุภัณฑ์ IP PHONE ของสำนักงานอาชีวศึกษา 15 ล้านบาท และโครงการเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 70 ล้านบาท
นายสมบัติกล่าวอีกว่า ส่วนหนึ่ง ของรายได้ที่ดีขึ้น เป็นผลจากการรับรู้ จากสาขาที่บริษัทเปิด โดยขณะนี้เปิด เป็นทางการแล้วคือเชียงใหม่ และคาด ว่าจะเปิดอีกต้นปี 49 ที่หาดใหญ่ พร้อม กับเล็งเปิดสาขาที่ระยอง ขอนแก่น และภูเก็ตเพิ่มอีก ซึ่งเป้าหมายการเปิด สาขาปีหน้าที่ 2-3 สาขา โดยธุรกิจจัด จำหน่ายสายคอมพิวเตอร์และสื่อสาร ถือว่าจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้บริษัทได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นรายได้ หลัก
นอกจากนี้ ILINK ยังเล็งที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือสายสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดประมาณ 2 พันล้านบาท รวมทั้งธุรกิจวางระบบสาย สัญญาณคอมพิวเตอร์และสื่อสาร ที่คาดว่าจะสามารถประมูลงานได้อีกมาก และจะมีอัตราการเติบโตจากธุรกิจโซลูชัน โพรวายเดอร์อีกด้วย ส่งผลให้บริษัทคาดว่าปี 49 ยอดขายของบริษัทน่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท
"แต่การทำงานในยุคนี้เราต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะดอกเบี้ยขึ้น ราคา น้ำมันทะยาน อีกทั้งคู่แข่ง แต่เราเชื่อว่าเราจะเติบโตที่ระดับ 20% เพราะยังมีงานอีกหลายงานที่เราจะประมูลและเรารอผลอีกงานหนึ่งที่จะทราบแน่นอน ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้มูลค่า โครงการมากกว่า 100 ล้านบาท รายละเอียดจะบอกได้สัปดาห์หน้า" นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวว่า ในการดำเนินงาน ILINK ไม่ได้ต้องการโตแบบให้รายได้ก้าวกระโดดมากๆ แต่กำไรน้อย เพราะบริษัทต้องการเห็นรายได้เติบโตในทิศทางต่อเนื่อง ส่วนกำไรก็ต้องโตและเป็นไปในทิศทางที่กำหนดไว้ ขณะที่การรักษาอัตราส่วนของกำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ก็ต้องไม่น้อยกว่า 20% ซึ่งปีนี้ปันผลคงเป็นไป ตามที่กำหนดไว้คือ บริษัทให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งหากผลงานเติบโตต่อเนื่องกำไรก็น่าจะเป็น ไปในทิศทางเดียวกัน และปันผลก็ไม่น่าจะผิดหวัง
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของ ILINK ที่ประกาศออก มาพบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 11.85 ล้าน บาท ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.94 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลงจาก 20 สตางค์เหลือ15 สตางค์ต่อหุ้น ขณะที่งวด 6 เดือนกำไรสุทธิ 24.15 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 21.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14%
สำหรับราคาหุ้น ILINK วานนี้ เปิดตลาดที่ 3.82 บาท ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วงเช้า แต่ช่วงบ่ายราคาปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 3.90 บาท และปิดที่ราคา ดังกล่าวด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 50,000 บาทเท่านั้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|