ศรีไทยฯมองโครงสร้างภาษีเอื้อชูเวียดนามเป็นฐานผลิตส่งออก


ผู้จัดการรายวัน(6 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

นายสนั่น อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2549 บริษัทฯมีแผนจะลงทุนผลิตผลิตภัณฑ์เมลามีนในประเทศเวียดนาม มูลค่าเงินลงทุน 20 ล้านบาท รวมทั้งจะขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกในเวียดนามเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเห็นว่าแนวโน้มธุรกิจพลาสติกและเมลามีนในเวียดนามมีการขยายตัวที่ดี และการแข่งขันไม่รุนแรง

รวมทั้งศรีไทยฯจะใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกเข้ามาไทย อาทิ สินค้าพลาสติกในครัวเรือน (Houseware) ซึ่งศรีไทยฯได้เลิกไปผลิตไปแล้ว เพราะการแข่งขันสูง รวมทั้งโครงสร้างอัตราภาษีนำเข้าของเวียดนามต่ำกว่าไทย โดยไม่เก็บภาษีนำเข้าวัตถุดิบพลาสติก ส่วนสินค้าสำเร็จรูปจะเสียภาษีเพียง 5% ขณะที่ไทยจะเก็บภาษีนำเข้าวัตถุดิบพลาสติก 20% และสินค้าสำเร็จรูป 30% ทำให้ต้นทุนสินค้าค่อนข้างสูง อีกทั้งค่าแรงของเวียดนามต่ำกว่าไทย

"ศรีไทยฯมองเวียดนามเป็นโอกาส เป็นฐานการผลิตที่ดีมาก เพราะการแข่งขันไม่สูง รัฐบาลกระจายการลงทุนในแต่ละพื้นที่ ขณะที่โรงงานของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมฯห่างจากสนามบินไม่มาก และลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในนิคมฯ ขณะที่ตลาดพลาสติกเองก็มีแนวโน้มดี ดังนั้นในปีหน้าตัดสินใจขยายลงทุนเมลามีน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ศรีไทยฯในอนาคต "

นายสนั่น กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัท ศรีไทยนาโนพลาส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของศรีไทยฯ เตรียมผลิตของเล่นกลางสนาม เช่นบ้าน สไลเดอร์พลาสติก (Playground) ในปลายปีนี้ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยจะเน้นจำหน่ายภายในประเทศ หลังจากนั้นจะเริ่มทำตลาดส่งออกไปยังประเทศข้างเคียง โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก เนื่องจากซื้อแม่พิมพ์มือสองจากต่างประเทศ ทำให้มาร์จินผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสูง และคืนทุนได้ภายในเวลา 2ปี

ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ ศรีไทยนาโนพลาส ในปีนี้มียอดขายประมาณ 58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท และในปี 2549 -2551 มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 67 , 74 และ 80 ล้านบาท ตามลำดับ ทำให้ศรีไทยฯรับรู้กำไรจากการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนความคืบหน้าโครงการผลิตขวดพลาสติกชนิด Hot Filled กับนักลงทุนจีน ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชาเขียวและน้ำผลไม้ในไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หลังจากบริษัทเล็งเห็นว่าตลาดขวดพลาสติกชนิดHot Filled มีการเติบโตสูงตามการขยายตัวของธุรกิจน้ำชาเขียวและน้ำผลไม้ ทำให้โรงงานผลิตขวดPET ในปัจจุบันไม่สามารถรองรับการเติบโตของตลาดได้

โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทำรายได้ให้บริษัทปีละ 300 ล้านบาท โดยการลงทุนของศรีไทยฯครั้งนี้ ไม่ใช่เข้าแข่งขันตัดราคา แต่เป็นการเข้าไปเสริมตลาดในส่วนขาดอยู่

ผลการดำเนินงานในปีนี้ ศรีไทยฯคาดว่าจะมีรายได้รวม 4,100 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 5-7 % และปีหน้าคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นอีก 12% อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตของธุรกิจพลาสติก 15% และผลิตภัณฑ์เมลามีนโต 5%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.