|
บ้านปูเร่ขายเหมืองบาราเซนโตซา หลังล้มแผนสร้างโรงไฟฟ้าอินโดฯ
ผู้จัดการรายวัน(5 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
บ้านปูเตรียมเร่ขายแหล่งถ่านหินบาราเซนโตซา ที่อินโดนีเซีย เหตุล้มโครงการสร้างโรงไฟฟ้าปากเหมือง หลังผลศึกษาพบว่าต้นทุนค่าไฟสูงกว่าคู่แข่งและห่างไกลแหล่งน้ำ พร้อมแตะเบรกไม่ลงทุนอย่างผลีผลาม หวั่นเศรษฐกิจโลกทรุดหลังราคาน้ำมันพุ่งกระฉูด คาดปีหน้ารายได้แตะ 2.9 หมื่นล้านบาท ตามปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยใกล้เคียงปีนี้ 35 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯตัดสินใจยกเลิกการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าปากเหมืองที่บาราเซนโตซา ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากพิจารณาแล้วโครงการดังกล่าวมีเงื่อนไขที่รับไม่ได้ 2 เรื่อง ดังนั้นบริษัทฯเตรียมจะมีการขายสิทธิต่างๆของแหล่งถ่านหินบาราเซ็นโตซาออกไป เพราะเป็นแหล่งที่มีถ่านหินคุณภาพต่ำและ ต้นทุนค่าขนส่งสูง หลังจากก่อนหน้านี้ บ้านปูได้ขายเหมืองMampun Pandan ที่อินโดนีเซียไปแล้ว
ปัจจุบันเหมืองบาราเซนโตซา ยังไม่ได้มีการพัฒนาเพื่อนำถ่านหินขึ้นมาจำหน่าย เนื่องจากเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ (ซับบิทูมินัส) และอยู่ห่างไกลท่าเรือ ทำให้ขุดถ่านหินมาขายไม่คุ้ม จึงได้หาหนทางเพิ่มมูลค่าโดยจะสร้างโรงไฟฟ้าปากเหมืองเพื่อขายให้การไฟฟ้าของอินโดนีเซีย แต่ผลศึกษาพบว่าต้นทุนค่าไฟสูงกว่าคู่แข่ง ขณะเดียวกันเหมืองดังกล่าวอยู่ห่างจากแหล่งน้ำที่จำเป็นในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทั้งนี้บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการศึกษาและสำรวจแหล่งดังกล่าวไปแล้ว 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายชนินท์ กล่าวว่าจากภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในช่วง2-3ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและระมัดระวังการลงทุน โดยยอมรับว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46-47%ของราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปี 2548 และปีหน้าคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับ 45% ของราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ 35 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาขายถ่านหินไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากนัก เพราะถ่านหินมีปริมาณสำรองและผู้ผลิตมากรายกว่าน้ำมัน
"หลังจากอินโดนีเซียประกาศลอยตัวน้ำมันดีเซล จากเดิมที่ขายอยู่ 23 เซ็นต์ต่อลิตร เพิ่มขึ้นเป็น 56 เซ็นต์ต่อลิตร ทำให้ต้นทุนการผลิตถ่านหินของบ้านปูเพิ่มขึ้น 10% หรือประมาณ 2.2 เหรียญสหรัฐต่อตัน หากปีหน้าราคาน้ำมันยังสูงอยู่ จะทำให้ต้นทุนการผลิตถ่านหินที่อินโดฯขยับขึ้นไปอีก 1.4 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 15%เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง ทำให้บ้านปูรับรู้รายได้เงินบาทเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาขายถ่านหินอิงดอลลาร์สหรัฐ "
ปัจจุบัน บ้านปูได้มีการเจรจาขายถ่านหินล่วงหน้าปี 2549 ไปแล้ว 7-8 ล้านตัน หรือ 35% ของปริมาณถ่านหินที่จะผลิตและจำหน่าย 21 ล้านตัน โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถขายถ่านหินล่วงหน้าได้ไม่ต่ำกว่า 70%ของปริมาณถ่านหิน
"ที่ผ่านมา รายได้บ้านปูเติบโตสูงมากใน 2-3ปีนี้ ซึ่งคาดว่าระดับรายได้จะขยายตัวไม่สูงมากนักในอีก2 ปีข้างหน้า แต่บริษัทจะเน้นรักษาระดับกำไรให้คงที่ โดยปี 2550 คาดว่าราคาถ่านหินจะอ่อนตัวลงมา แต่กำไรจะไม่ลดลง เพราะบริษัทรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีเข้ามาแทนที่ หลังจากนั้นในปี 2551 รายได้และกำไรบ้านปูจะยิ่งเติบโตมากขึ้นอีก จากโครงการถ่านหินในจีนและอินโดนีเซีย"
คาดปี49โกยรายได้2.9หมื่นล.
นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้อำนวยการสายอาวุโส-การเงิน บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้า คาดว่าบ้านปูจะมีรายได้รวม 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีรายได้รวม 2.7 หมื่นล้านบาท หรือโตขึ้น 13-14% เป็นผลจากปริมาณการผลิตและจำหน่ายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเป็น 21 ล้านตัน จากปีนี้ที่ผลิตและจำหน่ายถ่านหิน 18.5 ล้านตัน โดยมีราคาขายถ่านหินเฉลี่ยล่วงหน้า 35-36 เหรียญสหรัฐต่อตันใกล้เคียงกับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปีนี้
โดยครึ่งปีแรก 2548 บ้านปูขายถ่านหินไปแล้ว 7.7 ล้านตัน คาดว่าครึ่งปีหลังจะขายถ่านหินได้ตามเป้าหมาย 18.5 ล้านตัน เนื่องจากเหมืองทรูบาอินโดเพิ่มเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ ทำให้ขายได้ตามเป้าหมายบริษัทฯ
นอกจากนี้ในปี 2550 บ้านปูจะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่เดินเครื่องผลิตครบ 1,400 เมกะวัตต์ ประมาณ 2,000 ล้านบาท และรายได้จากการขายถ่านหินที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 23 ล้านตัน
ส่วนแผนการลงทุนในอีก 4 ปี(2548-2551) จะใช้เงินลงทุน 55ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าในไทย อินโดนีเซียและจีน โดยบริษัทต้องการมีสำรองถ่านหินให้เพียงพอต่อการผลิตไปนาน 15 ปี ซึ่งการลงทุนขยายปริมาณสำรองทำได้ในแหล่งถ่านหินที่บ้านปูถือครองสิทธิ์อยู่แล้ว โดยไม่ต้องเร่งซื้อเหมืองใหม่ในช่วงนี้ แหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากการดำเนินงานเฉลี่ยปีละ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินสดในบัญชี 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และการขายหุ้นบมจ.อะโรเมติกส์อีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้ในช่วงนี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|