ณ ปลายสุดของเส้นทางคดเคี้ยวคละคลุ้งไปด้วยฝุ่น แต่เป็นจุดที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหลยิ่งนัก
เพราะมีลักษณะเป็นมุขยื่นออกไปบนผาที่มีทะเลรองรับอยู่เบื้องล่าง คาเฟ่ฮาฟาตั้งอยู่โดดเดี่ยว
รอให้ผู้ไปเยือนนั่งจิบชากาแฟดื่มด่ำกับความงามของทะเลแห่งช่องแคบยิบรอลต้าที่อยู่เบื้องหน้า
และในวันที่อากาศแจ่มใส ก็จะได้เห็นเทือกเขาเป็นแนวสุดลูกหูลูกตาของประเทศสเปนเป็นของแถม
คาเฟ่ฮาฟา เป็นคาเฟ่ของแขกมัวร์ ซึ่งหมายความว่า ที่นี่เป็นสถานที่เงียบสงบที่ผู้มาเยือนสามารถใช้เวลาให้กับ
การนั่งสมาธิ การใช้ความคิด และแสวงหาความสงบ ทางคาเฟ่ จึงมีกระท่อมเล็กๆ
2-3 หลังปลูกไว้ริมถนน เพื่อรองรับผู้ที่ต้องการทำกิจทางศาสนา หรือไม่ก็ทอดอารมณ์สูบกัญชา
หรือ ดื่มชากาแฟเครื่องดื่มยอดนิยมที่เสิร์ฟมาในแก้วใสใบโต
คอกาแฟจะได้ลิ้มรสกาแฟของคาเฟ่ฮาฟา ที่ต้มในสไตล์ตุรกี คือ ต้มบนเตาแก๊สแค้มปิ้งในครัว
แล้วใส่นมและน้ำตาลมากๆ ครัวของที่นี่จะมีแท็งก์น้ำทำด้วยดินเผาขนาดใหญ่
2 แท็งก์ตั้งสำรองไว้ เพราะน้ำหยุดไหลบ่อยครั้งมาก
คาเฟ่ฮาฟา เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1921 โดย Mohammed Allouch ผู้มีอาชีพหลักเป็นชาวประมงหากุ้งล็อบสเตอร์
และปลากะพงขาว ปัจจุบันลูกชายของเขาสืบทอดกิจการโดยไม่เปลี่ยนอะไรเลย เขาคงสไตล์การตกแต่งไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง
นักเขียนชื่อดัง Paul Bowles โปรดปรานคาเฟ่ฮาฟามาก เขาเคยมานั่งชมทะเลกับ
Tennessee Williams และ Truman Capote นอกจากนี้ก็มีทีมนักเขียน Beat Generation
แห่งทศวรรษ 1950 ได้แก่ Ginsberg, Burroughs, Kerouac และ Genet
ลูกค้าของคาเฟ่ฮาฟาต่างรู้ดีว่า ถ้าเจ้าของที่นี่เปิดปากคุย ล่ะก็ ต้องเป็นเรื่องหาปลาเท่านั้นถึงจะออกรสชาติ
Merry-go-round ฉบับนี้มีรูปโฉมออกจะแปลกตาไปจากทุกฉบับที่ผ่านมา เพราะได้วางโครงคอลัมน์ว่าจะเน้นที่ศิลปะ
folk-art ของแต่ละชาติ เช่น มอร็อคโค ไอร์แลนด์ โปแลนด์ และยังมีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับดอกบัวมาฝาก
โดยแปลและเรียบเรียงจากนิตยสาร The World of Interiors ฉบับเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม
และนิตยสาร Homes & Gardens ฉบับเดือนกรกฎาคม