ทหารไทยคาดจีดีพีไตรมาส2โต3.4% น้ำมันพุ่งหนุนขาดดุลฯ4.7พันล.ดอลล์


ผู้จัดการรายวัน(2 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ธนาคารทหารไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ขยายตัว 3.4% เหตุได้รับปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนเกือบ 44% กดดันขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่ง 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาพรวมทั้งปีคงเป้าจีดีพีไว้ที่ระดับ 3.4%

นางรัตนา เล็งศิริวัฒน์ เจ้าหน้าที่บริหารงานวิจัย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 ยังคงได้รับปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงเดียว กันปีก่อน 43.9% ทำให้มูลค่าการ นำเข้าขยายตัวสูงถึง 33.7% เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็น สัดส่วนประมาณ 14.7% ของมูลค่า การนำเข้ารวม

จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลสูงถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ดุลบัญชีเดินสะพัดจึงขาดดุลสูงถึง 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับการขาดดุล 1.5 พัน ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรก ด้านรายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนสูงถึง 11.1% ซึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น 18.3% แม้ว่าผลผลิต จะลดลง 6.1% ตามการลดลงของผลผลิตพืชผลสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้ผู้บริโภคได้ระดับหนึ่งสอดคล้องกับดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกเล็กน้อย

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ดัชนีการลงทุนภาค เอกชนได้ชะลอลงเหลือ 9.8% จาก 10.8% ในไตรมาสแรกตามการชะลอตัวของการลงทุนในหมวดก่อสร้าง เนื่องจากมีการขยายตัวสูงมากในช่วงก่อนหน้า รวมทั้งผู้ประกอบการเริ่มมีความกังวลต่อต้นทุนการผลิต และยอดคำสั่งซื้อที่ มีแนวโน้มชะลอลงจากอัตราดอกเบี้ย ที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในด้านภาคการผลิต ดัชนีผลผลิตภาค อุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 ได้เร่งตัวขึ้นมากโดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง 7.8% เทียบ กับไตรมาสแรกที่ขยายตัวเพียง 3.8% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผลิต เพื่อการส่งออกทั้งหมวดอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการจาก ต่างประเทศ และหมวดอาหารปรับตัวดีขึ้นเพราะปัญหาวัตถุดิบคลี่คลายลงภาวะเศรษฐกิจไทยใน ไตรมาสที่ 2 อาจจะขยายตัวได้ดีขึ้น กว่าไตรมาสแรกเล็กน้อยในอัตรา 3.4%

ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปีเศรษฐกิจจะขยายตัวดีกว่าครึ่งแรกของปีเล็กน้อย เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการปรับตัวดีขึ้นของการส่งออกและการชะลอลงของการนำเข้าจากการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันในประเทศและการสะสมสต๊อกไว้ค่อนข้างมากแล้วในช่วงครึ่งแรกของปี

ประกอบกับการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีแต่จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้ความต้องการในประเทศขยายตัวได้ไม่สูงนัก ดังนั้น งานวิจัยธนาคารทหารไทยจึงยังคงประมาณการภาวะเศรษฐกิจ ไทยในปี 2548 ไว้ที่ 3.4%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.