ยอดขายผักผลไม้ท็อปส์พุ่ง30% รับซื้อ "ลำไย-ลองกอง"ช่วยชาติ


ผู้จัดการรายวัน(1 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ท็อปส์ฯ เผยครึ่งปีแรกยอดขายกลุ่มสินค้าผักผลไม้เติบโตร่วม 40% คาดเป็นผลพวงจากการรณรงค์ "ลำไย- ลองกองช่วยชาติ" ล่าสุดเป็นโมเดิร์นเทรดรายเดียวรับซื้อลองกองจาก 3 จังหวัดใต้ขายในท็อปส์ฯ

นางภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยกับ"ผู้จัดการรายวัน" ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.48) ยอดขายของท็อปส์ฯในกลุ่มสินค้าผักและผลไม้มีอัตราการเติบโตที่สูงมากถึง 36% แม้ว่าจะมีสัดส่วนของยอดขายเพียง 7% ของยอดขายสินค้าทั้งหมด

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการจัดกิจกรรมหาตลาดและขยาย ตลาดให้แก่เกษตรกร อาทิ การจัดเทศกาล ลำไย (ก.ค.-ส.ค.48) โดยรับซื้อลำไย 200 ตัน จากกลุ่มเกษตรกร จ.ลำพูนและเชียงใหม่ มาขายในท็อปส์ฯ ทุกสาขา ส่งผลให้ยอดขายลำไยในปีนี้เติบโตจากปีก่อนถึง 95% ล่าสุดท็อปส์ฯ เป็นโมเดิร์นเทรดเพียงรายเดียวที่ลงนามกับรัฐบาลในการรับซื้อลองกองมาจากเกษตรกรใน 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำมาจำหน่าย ในท็อปส์ฯทุกสาขา

ส่วนกิจกรรมตลาดในครึ่งปีหลังเตรียมจะจัดเทศกาลผักและผลไม้เมืองหนาว โดยส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าผักและผลไม้ อาทิ ส้ม, สตรอเบอรี จากสหรัฐอเมริกา, ออสเตร-เลีย, จีน และญี่ปุ่น ที่เหลือรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกร จ.เชียงใหม่ โดยปกติสินค้ากลุ่มผักและผลไม้จะมีสัดส่วนการนำเข้า25% ที่เหลืออีก 75% เป็นการรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรหรือซัปพลายเออร์ในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ราย ซึ่งจะเน้นพืชผักอนามัย และปลอดสารพิษ

นอกจากนั้น การเติบโตของกลุ่มสินค้าดังกล่าวยังเป็นผลมาจากการเร่งขยายสาขาของท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 79 สาขาในปัจจุบัน จากปีก่อนที่มีเพียง 47 สาขา คาดว่าการจัดกิจกรรมตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง และการขยายสาขาให้ครบ 90 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% ในปีนี้

ที่ผ่านมา บริษัทฯอาศัยข้อมูลพฤติกรรม การใช้จ่ายของลูกค้าแต่ละรายจากบัตรสปอต รีวอร์ดของท็อปส์ฯ ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิกไม่ต่ำกว่า 2 ล้านราย มาช่วยในการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายต่างๆ ส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายได้อย่างมาก โดยล่าสุดได้จัดโปรโมชันลดราคาสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น รวมทั้งผักและผลไม้ ด้วย ภายใต้ชื่องาน "ฟรุ้ทส์ นิปปอน แฟร์ 2548" ซึ่งท็อปส์ฯได้ส่งจดหมายไปยังลูกค้ากลุ่มที่นิยมซื้อสินค้าญี่ปุ่น ซึ่งรู้จากข้อมูลในบัตรสปอต รีวอร์ด โดยงานดังกล่าวนี้จะจัดเปิดตัวในวันศุกร์ที่ 2 กันยายนนี้ที่มาร์เก็ตเพลส บาย ท็อปส์ฯ สาขาทองหล่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างท็อปส์ฯกับบริษัท ไดโซ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจส่งออกและนเข้าอาหารจากประเทศญี่ปุ่น บริษัท ซัน โกลบ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกผลไม้ญี่ปุ่น

ในปีหน้าท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตเตรียมจะปรับปรุงโฉมท็อปส์ฯ สาขาเดิมทั่วประเทศ เพื่อทำให้ท็อปส์ฯ กลายเป็นเดสทิเนชัน ซูเปอร์มาร์เกต หรือใครๆ ก็อยากมาชอปที่ท็อปส์ฯ ทั้งนี้ได้กำหนดปรับปรุงท็อปส์ฯสาขาเดิมให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 18 เดือน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนออกแบบ

ส่วนการขยายสาขานั้นจะมุ่งเน้นขยายสาขาไปในต่างจังหวัดโดยมี 2 รูปแบบได้แก่ การขอเช่าพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น และการตกลงแบ่งรายได้กัน โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ห้างฯ โดยแต่ละสาขามีพื้นที่ขาย 1,000-5,000 ตารางเมตร และใช้เงินลงทุน 30-50 ล้านบาทต่อสาขา ทั้งนี้ที่ผ่านมาในไตรมาสแรกได้ร่วมมือกับห้างฯแหลมทอง เปิดท็อปส์ฯ สาขาระยอง, บางแสน และศรีราชา เนื่องจากทางห้างฯแหลมทองมองว่าท็อปส์ฯจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนเข้าห้างฯได้อย่างดี ส่วนแนวโน้มที่จะไปเปิดสาขาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีความเป็นไปได้ถ้าสามารถหาพื้นที่เช่าในดีพาร์ตเมนต์สโตร์ท้องถิ่นได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.