|
เค.ซี.เล็งปรับแผนลงทุนย่านติวานนท์ หลังเจอกฎเหล็กสิ่งแวดล้อม
ผู้จัดการรายสัปดาห์(2 มิถุนายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ เจอก้างชิ้นใหญ่ ติดกฎเหล็กคณะกรรมการสวล. ไร้วี่แววได้ใบอนุญาติสวล.ในโครงการคอนโดมิเนียมย่านติวานนท์ เตรียมปรับแผนลงทุนใหม่ จากเดิมจะทำคอนโดมิเนียมระดับกลาง ราคา 7-8 แสนบาท เป็นราคา 1.3-1.4 ล้านบาท และลดจำนวนยูนิตลงจาก 140 ยูนิต เหลือ 70 ยูนิต เพื่อเลี่ยงขอสวล. คาดสรปุผลได้ 1-2 เดือน
การขอใบอนุญาตเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ของดีเวลลอปเปอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากจะลงทุนก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนยูนิตมาก ที่ผ่านมามีโครงการหลายแห่งประสบปัญหาการขอสิ่งแวดล้อม ทั้งโครงการที่ได้เปิดขายไปแล้ว และโครงการที่เริ่มลงมือก่อสร้าง แต่สุดท้ายต้องหยุดการก่อสร้างอย่างกะทันหัน เพราะยังไม่ได้ใบอนุญาติเรื่องสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการคอนโดมิเนียมบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าวของ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ที่ประสบปัญหาดังกล่าวมานานพอสมควร ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างโครงการได้ ทั้งที่ได้เปิดขายได้ไม่กี่วันก็สามารถขายได้หมดเกลี้ยงทั้งโครงการ
เช่นเดียวกับโครงการคอนโดมิเนียมที่บมจ.เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ กำลังจะลงทุน บริเวณถนนติวานนท์ ที่กำลังประสบปัญหาดังกล่าว โดยอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ เปิดเผย“ผู้จัดการรายสัปดาห์”ว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณถนนติวานนท์ ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข แต่จนถึงทุกวันนี้ แผนการลงทุนต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด หรืออาจจะต้องเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนใหม่ เพราะติดปัญหาเรื่องการขอสิ่งแวดล้อม
อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการขออนุญาต และเวลาที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(สวล.) ใช้ในการอนุญาตินานเกินไป และยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าจะอนุมัติใบอนุญาติเมื่อไหร่ ทำให้กระทบต่อแผนการลงทุนของเค.ซี.ฯ อีกทั้งกฎเกณฑ์ของสวล.บางข้อ ยังระบุว่าอยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการในการอนุญาต ซึ่งข้อนี้ทำให้ขาดกฎที่แน่นอนในการพิจารณา
เมื่อประสบปัญหาเช่นนี้ บริษัทจึงอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนใหม่ เพราะไม่ต้องการเสียโอกาสในการดำเนินธุรกิจ อาจจะปรับแผนเป็นลงทุนก่อสร้างทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป บนพื้นที่บางส่วนจากพื้นที่ทั้งหมดกว่า 9 ไร่ ในช่วงที่รอใบอนุญาติ และเมื่อได้ใบอนุญาติแล้วจึงจะก่อสร้างคอนโดมิเนียม 2 อาคาร จากแผนเดิมจะก่อสร้างทั้งหมด 6 อาคาร หรืออาจจะปรับเป็นก่อสร้างคอนโดมิเนียมเช่นเดิม แต่จะลดจำนวนยูนิตลง เพื่อจะได้ไม่ต้องขอสิ่งแวดล้อม แต่จะต้องขายในราคาสูงกว่าเดิมเท่าตัว เพราะขนาดพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นเดียวกัน โดยจากเดิมจะสร้างคอนโดมิเนียมราคาประมาณ 7-8 แสนบาท จะต้องปรับเพิ่มขึ้นเป็นยูนิตละ 1.3-1.4 ล้านบาท ส่วนจำนวนยูนิตจะลดลงเหลือราว 70 ยูนิต จากเดิม 140 ยูนิต
“ก่อหน้านี้ บริษัทจ้างเอแบค โพล สำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านติวานนท์ พบว่า มีความต้องการคอนโดมิเนียม ราคาเฉลี่ยที่ 7-8 แสนบาท จึงจะลงทุนโครงการในระดับราคานี้ แต่เมื่อบริษัทติดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม บริษัทจึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการลงทุน ขณะนี้ได้ให้เอแบค โพ สำรวจความต้องการอีกครั้งหนึ่ง หากบริษัททำคอนโดมิเนียมราคา 1.3-1.4 ล้านบาท แล้วตลาดตอบรับบริษัทพร้อมที่จะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนทันที คาดว่าจะสรุปผลได้ในช่วง 1-2 เดือนนี้”
ส่วนความคืบหน้าการเข้ามาเทรดบนกระดานนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ หลังจากที่เลื่อนมา 2 ครั้ง ในวันที่ 22 มี.ค. และ27 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะติดปัญหาเล็กน้อยจึงยังไม่ได้กลับเข้าไปซื้อขาย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุน และนักวิเคราะห์ ผลตอบรับออกมาดีมาก แต่ในช่วงนี้เซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ไม่ค่อยสดใสนัก ดังนั้น ถือเป็นโชคดีที่ยังไม่ได้เข้าไปซื้อขาย
กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า การเลื่อนเข้าตลาดฯส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเค.ซี.ฯบ้าง เพราะเงินที่จะได้จากการระดมทุนราว 500 ล้านบาท มีแผนที่จะนำไปชำระหนี้ราว 350 ล้านบาท ยังไม่ได้นำไปชำระ ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยแต่ไม่มากนัก เพราะอัตราดอกเบี้ยถือว่าอยู่ในระดับต่ำ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปซื้อที่ดิน เพื่อลงทุนโครงการใหม่
ปีนี้เค.ซี.ฯมีแผนลงทุนโครงการใหม่รวม 7 แห่ง มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เปิดตัวแล้ว 4 แห่ง มูลค่ารวมราว 2,000 ล้านบาท เช่น โครงการเนเชอรัล รามคำแหง ,เนเชอรัล เทพารักษ์ และพาร์ควิลล์ เทพารักษ์ เป็นต้น ส่วนอีก 3 แห่ง จะทยอยเปิดตัวในเดือนก.ค. 1 แห่ง และในไตรมาสสี่ อีก 2 แห่ง โดยตั้งเป้ายอดขายทั้งปีอยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกมียอดขายกว่า 800 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|