|
กลยุทธ์การตลาด : อากู๋ ทำหนังสือพิมพ์ทำไม
ผู้จัดการรายสัปดาห์(19 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ฟิตจัด ไม่รู้ไปกินอาหารผิดสำแดงอะไร จู่ๆก็ประกาศว่าจะลุกขึ้นมาทำหนังสือพิมพ์รายวัน ไม่ใช่หนังสือบันเทิงรายวันด้วยนะ ทว่าเป็นหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจการเมือง
ขอพูดถึงหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวัน ก็คิดว่าวันนี้เลยเถิดกันไปใหญ่แล้ว
หนังสือพิมพ์บันเทิงรายวันนี้มีหลายเล่ม หนังสือพิมพ์ราย 3 วันบันเทิง รายสัปดาห์ก็มีทั้งเป็นรูปแบบนิตยสาร ฯลฯ อีกมากมาย นี่ยังไม่รวมหน้าบันเทิงรายวันอีกต่างหาก คำถามก็คือดาราเมืองไทยมีกี่คนที่สามารถจะสร้างข่าวได้ให้ฮือฮา คำตอบก็คือมีไม่ถึง 30 คน และถ้าจะเอาที่เป็นข่าวแล้วครางฮือกันทั้งเมือง ก็ลองลิสต์ดูสิว่ามีใครบ้าง น้องอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ น้องแหม่ม คัทลียา แมคอินทอช ทาทายัง
ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่แหม่มมีข่าว สื่อฮือไปกว่า 100 คน
ข่าวบันเทิงเมื่อเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ก็ต้องสร้างข่าว หาข่าวและบางครั้งเป็นข่าวเต้า เพื่อสร้างความเร้าใจให้คนอ่าน แล้วทำไมถึงได้ออกหนังสือพิมพ์บันเทิงเยอะเหลือเกิน
ถ้าจะให้ตอบก็ขอฟันธงว่าเป็นเพราะบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต้องพยายามจะมีการเจริญเติบโตโดยตลอด ไม่อยากทำก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะอยู่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้
ธุรกิจมีเดียเป็นธุรกิจที่เน้นการหารายได้จากโฆษณาและขายก๊อปปี้ หรือขายเล่มๆ นาทีนี้ใครคิดว่างบโฆษณาจะมาลงหนังสือพิมพ์บันเทิง ขอให้ยกมือขึ้น เชื่อว่าไม่มีใครกล้ายกมือหรอก เพราะนาทีนี้ราคาน้ำมันขนาดนี้ไม่น่าจะมีงบโฆษณาเทลงมาอีกหรอก
ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะหารายได้จากการขายหนังสือเป็นเล่มๆ แต่ราคาขายต่อเล่มเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนแล้ว ไม่คุ้มหรอก ยิ่งขายมากก็ยิ่งขาดทุน จากจุดนี้เราสามารถพยากรณ์ได้เลยว่าบริษัทที่ออกหนังสือพิมพ์รายวันบันเทิง น่าจะประสบปัญหาการขาดทุน
ไม่น่าแปลกใจที่อากู๋ไม่ทำหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าอากู๋จะออกหนังสือพิมพ์รายวันบันเทิง แต่ก็เป็นข่าวลือ
อากู๋ เล่าว่าหนังสือพิมพ์เล่มใหม่ของเขาไม่เน้นข่าวร้าย และจะทำแตกต่างจากหัวหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นที่มีอยู่ในท้องตลาด ส่วนตัวเห็นว่าในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวถือเป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปลงทุน อย่างไรก็ดีไม่ได้มองเรื่องรายได้เป็นหลัก แต่มองความชอบและอยากลองมากกว่า
คำสัมภาษณ์ของอากู๋ต้องตีความหลายประการ หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวไม่ตรงกัน
ประการแรก การออกหนังสือพิมพ์เล่มนี้ ออกในนามใคร คำถามก็คือในนามแกรมมี่หรือในนามส่วนตัวของอากู๋ เพราะหนังสือพิมพ์แต่ละเล่มก็ลงข่าวไม่ตรงกัน บางเล่มก็ลงว่าเป็นแกรมมี่ลงทุนเอง บางเล่มก็บอกว่าเป็นการลงทุนโดยเงินส่วนตัวของอากู๋
ถ้าเป็นการลงทุนในนามบริษัทแกรมมี่ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะต้องใช้เงินถึงพันล้านบาท ระยะเวลาคืนทุนอีกกี่ปี
อย่างไรก็ตามหากเป็นการซื้อหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในตลาดอยู่แล้ว และขาดเงินอีกไม่กี่ร้อยล้านบาทก็สามารถทำให้หนังสือพิมพ์รุ่งเรืองได้แล้ว ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
ธุรกิจหนังสือพิมพ์รายวันเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความอดทนสูงและลงทุนสูง กว่าที่จะคืนทุนอีกทั้งเป็นธุรกิจที่ลงทุนสูงมากโดยไม่สามารถบอกได้เลยว่าจะเกิดได้เมื่อไหร่ หรือจะเกิดได้หรือเปล่า
พูดง่ายๆก็คือเป็นธุรกิจเผากระดาษนั่นเอง
เมื่อธรรมชาติธุรกิจเป็นแบบนี้แล้วไซร้ อากู๋จะลงทุนในนามบริษัทแกรมมี่ไปทำไม
บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้นติดกำดักการเติบโต หมายความว่าต้องมีอัตราการเติบโตโดยตลอดจึงจะสามารถทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องทำให้นักลงทุนเห็นว่าบริษัทน่าจะมีอัตราการเติบโตในอนาคต สมควรที่จะลงทุนหรือไม่
หากธุรกิจที่จะลงทุนนั้นเป็นธุรกิจคืนทุนเร็ว ก็น่าที่จะนำบริษัทแกรมมี่ไปลงทุนก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่ถ้าธุรกิจที่คืนทุนช้า อากู๋ก็น่าที่จะใช้เงินส่วนตัวในการลงทุน
อากู๋ ใช้เงินลงทุนส่วนตัวในการทำธุรกิจส่วนตัวหลายธุรกิจมาแล้ว
แต่ละธุรกิจใช่ว่าจะเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ
4 me คือธุรกิจที่อากู๋คิดว่าน่าจะทำเงินได้ดี เพราะคิดว่าน่าจะทำได้ไม่ยาก เพราะได้ศิลปินมาลงทุนถือหุ้นด้วยและใช้ดาราศิลปินเหล่านั้นเป็นผู้โฆษณาให้นั่นเอง
อากู๋มองว่าคนกินบะหมี่เเพราะเห็นว่าดารานักร้องกิน
คิดง่าย และคิดแบบที่ว่าธุรกิจนี้ไม่มีคู่แข่งขัน แต่จริงๆแล้วคู่แข่งขันที่อยู่ในยุทธจักรไม่มีใครยอมใครอยู่แล้ว
ผลที่เกิดขึ้นก็คือสหพัฒน์ไม่ต้องการให้ 4 me เป็นหอกข้างแคร่ จึงซื้อกลับมาจากนั้นก็ปล่อยให้แบรนด์นี้หายไปในที่สุด
ธุรกิจขายตรงก็เหมือนกัน คิดง่ายๆว่าใช้พี่เบิร์ดเป็นพรีเซ็นเตอร์หาสาวจำหน่าย จ้างคนผลิตเครื่องสำอางค์ ก็คงขายได้ระเบิดเถิดเทิงเพราะคู่แข่งขันในตลาดมีน้อย
แต่วันนี้แม้จะมียอดจำหน่ายเป็นที่น่าพอใจของอากู๋ตามที่แถลงข่าว แต่กำไรหรืออนาคตก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นไปตามที่ตั้งไว้หรือไม่
ถ้าดีจริงกรรมการผู้จัดการจะลาออกไปรึ
ธุรกิจหนังสือพิมพ์เป็นธุรกิจปราบเซียน ยากกว่าสองธุรกิจที่กล่าวมาแล้วด้วยซ้ำ การที่อากู๋ลงสู่ธุรกิจหนังสือพิมพ์เป็นเพราะอะไร จะบอกว่าเพราะอยากจะเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์เท่านั้น
ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะต้องการกำไร ก็น่าจะไปทำธุรกิจอื่น ต้องการอำนาจและอิทธิพล หนังสือพิมพ์อากู๋จะกล้าตีรัฐบาลเชียวรึ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|