ไพร์มเนเจอร์หันพึ่งKK รับมืออสังหาฯขาลง


ผู้จัดการรายสัปดาห์(8 กรกฎาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

“ไพร์ม เนเจอร์ฯ” พลิกกลยุทธ์รับอสังหาฯ ขาลง หันกู้ “เกียรตินาคิน” แทนกู้เงินจากแบงก์ ยอมแบกภาระต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม หวังพึ่งแขนขาพันธมิตรสร้างความคล่องตัวในการบริหารงาน เพิ่มความยืดหยุ่นด้านการตลาด ลดความเสี่ยงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออสังหาฯ พร้อมพลิกแผนเข้าตลาดฯ กะทันหัน หลังดึงมือดีการเงินเสริมทัพรับแผนแต่งตัวเข้าตลาดฯ ในช่วงปลายปีก่อน

ปัญหาราคาน้ำมัน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนในภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มความระมัดระวังในด้านการลงทุนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการวางแผนงาน ทั้งด้านการลงทุนและการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

สุนัทที เนื่องจำนงค์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไพร์ม เนเจอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการสนับสนุนเงินกู้ วงเงิน 650 ล้านบาท จากบริษัท เงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด(มหาชน) หรือ kk เพื่อนำมาใช้ในการลงทุนเฟสแรกของโครงการไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า หัวหิน มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่พักอาศัยริมชายหาดในรูปแบบของบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียม แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ซึ่งในเฟสแรกเป็นที่ดินเปล่าพร้อมบ้านสั่งสร้างและบ้านเดี่ยวติดชายทะเล บนพื้นที่กว่า 51 ไร่ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินเปล่า 10 แปลงติดทะเลในเฟสนี้ไว้ถึง 500 ล้านบาท สำหรับเฟสที่ 2 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 3 ชั้น 6 อาคาร จำนวน 50 ยูนิต ส่วนเฟสที่ 4 เป็นที่ดินเปล่าและบ้านเดี่ยว บนพื้นที่รวมกว่า 35 ไร่

อย่างไรก็ตาม สุนัทที กล่าวว่า การยื่นขอรับสนับสนุนทางการเงินจาก kk ไม่ได้ทำให้บริษัทมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำลง แต่ในทางตรงกันข้ามบริษัทกลับต้องแบกรับภาระต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะการขอกู้จากแบงก์ต้องเสียดอกเบี้ยประมาณ 6-7% ซึ่งต่ำกว่าการขอกู้จาก kk ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 10% ต่อปี

“การกู้เงินจาก kk ไม่ได้ทำให้บริษัทมีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำกว่าการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วๆ ไป เพราะ kk ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี ในขณะที่แบงก์พาณิชย์ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ย 6-7% ต่อปี แต่สิ่งที่บริษัทจะได้รับจาก kk คือ การให้บริการที่ครบวงจร และความยืดหยุ่นในด้านการบริหารงาน เมื่อบริษัทต้องการปรับแผนการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการตลาดและภาวะเศรษฐกิจ”

เลื่อนแผนเข้าตลาดฯ

สุนัทที กล่าวถึงความคืบหน้าของการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทเลื่อนแผนการดังกล่าวออกไป เนื่องจากต้องการความคล่องตัวในการบริหารงาน หลังจากศึกษาตลาดและพบว่า การเป็นบริษัทขนาดเล็กที่เน้นการลงทุนในโครงการแบบยูนีกมีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากกว่าการเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งต้องแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาดำรงตำแหน่งคณะกรรมการอิสระ และยังต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ทำให้การปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน หรือปรับรูปแบบการลงทุนทำได้ยาก เพราะต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อน

“เราไม่ได้ล้มแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้ามีการลงทุนโครงการใหญ่ๆ เกิดขึ้นในอนาคต อาจจะใช้บริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุน ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทมีแผนนำแลนด์แบงก์ใน จ.ชลบุรีซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลมาพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดการลงทุนได้ในต้นปีหน้า”

ตามนโยบายเดิมบริษัทมีแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำเงินมาใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงการ และอยากได้ภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจอสังหาฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า แต่ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนในตลาดฯ เพราะมีความสามารถในการระดมทุนเองได้ ประกอบกับมีKK ให้การสนับสนุนด้านการเงิน ซึ่งเป็นจุดดีอีกข้อหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมากขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.