ศุภาลัย/ปริญสิริเดินหาบริหารต้นทุน ลดความเสี่ยงรักษาผลกำไร


ผู้จัดการรายสัปดาห์(29 กรกฎาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ศุภาลัย"กระจายความเสี่ยงเลี่ยงเปิดขายทีละเฟส เลือกแบบบ้านให้ตรงกลุ่มลูกค้า ชูกลยุทธ์ราคาเป็นหัวหอกในการทำตลาด ปรับเป้ารายได้ปลายปีเพิ่มเป็น 7,000 ล้านบาท ด้าน "ปริญสิริ"บีบคอซัพพลายเออร์ล็อคราคาวัสดุนานกว่า 6 เดือน พร้อมเปิดโครงการใหม่อีก 3 แห่งภายในสิ้นปี

อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เปิดเผยว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมัน ทำให้ธุรกิจอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยบริษัทได้ปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนแทนการปรับขึ้นราคาขายบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับลดสเปควัสดุก่อสร้างให้เหมาะสมกับราคาขายบ้าน โดยลดการใช้วัสดุที่หรูหราฟุ่มเฟือยและหันมาใช้วัสดุที่ให้ประโยชน์มากกว่าความสวยงามแทน ซึ่งสามารถลดต้นทุนก่อสร้างได้ 3-4% ต่อยูนิต

นอกจากนี้ยังเลือกรูปแบบบ้านที่เหมาะสมสำหรับพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว เพื่อให้เหมาะกับราคาขายและกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยในโซนรามอินทราจะเลือกนำแบบบ้านดีลักษณ์ ซึ่งเป็นรูปแบบบ้านที่มีราคาขายต่ำสุดมาใช้ในการพัฒนาโครงการแทนการนำแบบบ้านซูเปอร์ดีลักษณ์ และเอ็กซ์พีเรียน ที่มีราคาสูง ซึ่งจะทำให้การตั้งราคาขายบ้านเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยรูปแบบบ้านในแต่ละดีไซน์จะมีราคาขายที่แตกต่างกันกว่า 100,000 บาทต่อยูนิต

"การเลือกแบบบ้านต้องถูกใจลูกค้าและเหมาะสมกับกำลังซื้อ โดยบริษัทจะไม่ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ให้มากเกินไป แต่จะพยายามรักษาพื้นที่บ้านเดี่ยวให้อยู่ที่ขนาด 50 ตร.วาต่อยูนิต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ทะยอยปรับราคาขายเพิ่มขึ้นในบางโครงการที่เป็นบ้านต้นทุนใหม่ โดยขณะนี้ในบางโครงการปรับราคาขายขึ้นแล้ว 2-3% และจะปรับขึ้นอีก 2-3% ในเดือนหน้า คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะปรับขึ้นราคาขายบ้าน 6-8%"

อธิป กล่าวถึง แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 6,100 ล้านบาทในช่วงต้นปี คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 47 ซึ่งมียอดขาย 4,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 7,000 ล้านบาทในปีหน้า เนื่องจากมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดการขายและเตรียมเปิดโครงการใหม่รวมกว่า 20 แห่ง ทั้งนี้ การปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นมีผลมาจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 4,000 ล้านบาท โดย 1,600 ล้านบาทเป็นยอดขายที่เกิดขึ้นจากโครงการศุภาลัย ซิตี้โฮม รัชดาฯ เพียงโครงการเดียวปริญสิริล็อคราคาวัสดุยาว

ด้านชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ปริญสิริ กล่าวว่า บริษัทใช้แนวทางการบริหารต้นทุนโดยการล็อคราคาวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า ซึ่งในบางโครงการล็อคราคาได้ 2-3 เดือนและในบางโครงการสามารถล็อคราคาได้นานกว่า 6 เดือน ทำให้บริษัทยังมีผลกำไรอยู่ในระดับสูงกว่า 30% อยู่ในระดับเดิมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ที่มีสัดส่วนกำไรลดลง

ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมียอดรับรู้รายได้กว่า 100 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.มียอดขายแล้วประมาณ 448 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายตามเป้าที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท โดยมียอดรับรู้รายได้ 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะทะยอยรับรู้รายได้เพิ่มในไตรมาส 3 นี้

ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 แห่ง ได้แก่ โครงการปริญญดา พระราม 2 ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดการขายในช่วงไตรมาส 3 โดยในช่วงไตรมาส 4 จะเปิดการขายโครงการทาวน์เฮาส์อีก 2 แห่ง คือ โครงการปริญลักษณ์ นวมินทร์ มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาทต่อแห่ง ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี 48 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน 13 โครงการ ส่วนโครงการร่วมทุนกับบมจ.ยูนิเวนเจอร์ ย่านอ่อนนุช ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบผังโครงการ และเลือกแบรนด์ระหว่าง ปริญญดา และ ปริญลักษณ์ คาดว่าจะเปิดการขายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 49

ขณะเดียวกันในช่วงดังกล่าวบริษัทจะเปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม ย่านลาดพร้าว44 อย่างเป็นทางการ โดยมีราคาขายกว่า 1 ล้านบาทต่อยูนิต บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.