"ปูนกลาง"พลาดหวังแหลมผักเบี้ย ลุ้น"ซิโน-ไทย"รับเมกะโปรเจกต์


ผู้จัดการรายสัปดาห์(19 สิงหาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แหลมผักเบี้ยพ่นพิษ ใส่ปูนกลางอย่างจัง หมดหวังป้อนปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษรับโปรเจกต์แหลมผักเบี้ย ฝากความหวังสุดท้ายภาครัฐผุดโครงการเมกะโปรเจกต์ ลุ้นพันธมิตร"ชิโน-ไทย"คว้างานก่อสร้าง พร้อมให้เงื่อนไขพิเศษ ลด แลก แจก แถม ล่อใจผู้รับเหมาสั่งปูนอินทรีลุยโปรเจกต์ยักษ์

ทันทีที่ภาครัฐออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถก่อสร้างโครงการแหลมผักเบี้ยได้ตามแผนเดิมที่วางไว้ บมจ.ปูนซิเมนต์นครหลวง หรือ sccc จึงพลาดหวังที่จะเป็นผู้ซัปพอร์ตปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษให้กับโครงการดังกล่าวไปโดยปริยาย แต่ก็ยังพอมีความหวังเล็กๆ ที่แม้จะค่อนข้างริบหรี่ sccc ก็ยังหวังว่าภาครัฐจะกลับไปลงทุนในเส้นทางเดิมที่วางแผนไว้ในระยะแรก แม้จะสร้างยอดขายได้ไม่สูงเท่าปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น

ก่อนหน้านี้ sccc ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงกับการซัปพอร์ตสินค้าให้กับโครงการแหลมผักเบี้ย โดยทุ่มทุนและใช้เวลาในการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษ ที่เรียกว่า"Sulfate" ซึ่งทนต่อแรงกัดกร่อนของน้ำทะเล และสามารถนำไปใช้ก่อสร้างในโครงการที่ต้องวางระบบงานฐานรากในน้ำทะเลได้

โดย จันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหาร สายการตลาดและการขาย sccc กล่าวว่า โครงการแหลมผักเบี้ยเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า sccc ได้พยายามแล้วในการพัฒนาปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษที่สามารถนำไปใช้สำหรับการก่อสร้างในน้ำทะเลได้ แต่เมื่อโครงการไม่เกิดขึ้น sccc ก็ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษให้สำเร็จและมีประสิทธิภาพต่อไป โดยสามารถนำมาใช้สำหรับการก่อสร้างในน้ำทะเลได้จริง

อย่างไรก็ตาม แม้จะพลาดหวังจากโครงการแหลมผักเบี้ย แต่ sccc ยังฝากความหวังไว้กับโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต โดย จันทนา กล่าวว่า การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปูนซีเมนต์เกือบ 60% ประกอบด้วย โครงการ Mass Transit ,Transportation และ Real Estate ที่มีสัดส่วนการลงทุน 25%,19% และ 12% ตามลำดับ

จากปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับความไม่ชัดเจนของภาครัฐในการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ ทำให้ sccc คาดว่าอาจทำยอดขายในปีนี้ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ sccc ก็ยังเชื่อว่าในท้ายที่สุดโครงการเมกะโปรเจกต์จะต้องเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะมีการลงทุนในโครงการใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งหากมีการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ประเภทการก่อสร้างถนน หรือท่อน้ำ ก็จะเอื้อประโยชน์ต่อ sccc เพราะโครงการดังกล่าวต้องใช้ปูนซีเมนต์เพื่อการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าโครงการเมกะโปรเจกต์จะทำให้ตลาดปูนซีเมนต์มีอัตราการเติบโต 8-10% ในปีหน้า

ลุ้นซิโน-ไทยคว้างงานรัฐ

จันทนา กล่าวว่า ในเบื้องต้น sccc ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมียอดจัดส่งสินค้าให้กับโครงการเมกะโปรเจกต์เป็นจำนวนเท่าใด เพราะต้องขึ้นอยู่กับการสั่งซื้อสินค้าของผู้รับเหมา ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีผู้รับเหมารายใดสั่งซื้อสินค้าของ sccc บ้าง แต่เชื่อว่าหาก ซิโน-ไทยฯ สามารถประมูลงานก่อสร้างได้เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ sccc มีโอกาสในการขายปูนซีเมนต์ได้มากขึ้น เพราะ sccc มีสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มซิโน-ไทยฯ แต่ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มซิโน-ไทยฯเลือกที่จะสั่งซื้อปูนซีเมนต์จาก sccc หรือไม่หรือจะสั่งซื้อเป็นจำนวนเท่าใด

"ปัจจุบันตลาดปูนซีเมนต์มีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ซึ่ง sccc จะนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้ในการแข่งขันควบคู่ไปกับการเพิ่ม option พิเศษ เพื่อสร้างแรงจูงใจไม่ว่าจะเป็นการให้ส่วนลด และของแถมที่ทำให้คู่ค้าสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้สูงสุด"จันทนา กล่าวว่า

ขณะนี้ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์ทุกรายต่างประสบปัญหาต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ เพราะตลาดปูนซีเมนต์มีการแข่งขันสูงและเป็นสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยขณะนี้ sccc แบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 15% แต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางแก้ไขโดยการบริหารต้นทุนให้สอดคล้องกับราคาขาย และหาช่องทางตลาดใหม่ๆที่นำสินค้าไปจำหน่ายแล้วได้ราคาดีที่สุด

โดยในเบื้องต้น sccc มีแผนปรับอัตราส่วนลดที่ให้กับเอเย่นต์ลง และในอนาคตอาจยื่นขอปรับราคาขายหน้าโรงงานเพิ่มขึ้น แต่ไม่เกินเพดานราคาขายที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ โดยปัจจุบันมีราคาขายหน้าโรงงาน 500 บาทต่อตัน สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 48 sccc มียอดขายรวม 6.4 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 4.1 ล้านตัน ยอดส่งออก 2.3 ล้านตัน โดยมียอดขายรวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 14% และคาดว่าตลาดปูนฯในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัว 12% โดย sccc ตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้น 10%ภายในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 8 ล้านตัน และส่งออกอีก 4 ล้านตัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.