SCIB เสนอบอร์ดอนุมัติปันผลวันนี้ พร้อมเดินหน้าลุยธุรกิจบัตรเครดิต


ผู้จัดการรายวัน(24 สิงหาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ธนาคารนครหลวงไทย เตรียมเสนอบอร์ดพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกลางวันนี้ พร้อมเดินหน้าเดินหน้าลุยธุรกิจบัตรเครดิต เจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีเงินเดือนผ่านแบงก์ Payroll ลดความเสี่ยงและต้นทุน ชูจุดเด่นดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเสริมผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคล SCIB CREDITและ SCIB SALARY PLUS วางเป้ายอดบัตรปีนี้ผลิตภัณฑ์ละ 1 แสนบัตร เน้นออกแคมเปญกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 5 พันบาทต่อบัตร

นายอรุณ จิรชวาลา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB กล่าวถึง นโยบายการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2548 ว่า ธนาคารยังคงยึดนโยบายเดิมในการจ่ายเงินปันผล คือกำหนดจ่ายเงินปันผลไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิ และคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากธนาคารมีผลการดำเนินงานขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โดยผลการดำเนินงานปกติของธนาคารเฉลี่ยจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% ส่วนรายได้พิเศษจากการลงทุนในปีนี้มีแนวโน้มที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปตามที่ธนาคารได้คาดการณ์ไว้

"ผลจากการดำเนินงานที่ยังมีการเติบโต ทำให้นโยบายจ่ายเงินปันผล ณ ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งธนาคารก็ยังน่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ โดยผลการดำเนินงานตามปกติของธนาคารยังมีการขยายตัวได้ดี แม้ว่ารายได้พิเศษจะลดลง" นายอรุณ กล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวจากธนาคารรายหนึ่ง กล่าวว่า ในวันนี้ (24 ส.ค.) ธนาคารจะนำเรื่องการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือน เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารพิจารณาด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรก ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3,272 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 1.55 บาทต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับ 19.33% และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับ 1.39% กำไรลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 3,702 ล้านบาท หรือลดลงจำนวน 430 ล้านบาท หรือประมาณ 11% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จำนวน 11,243 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.75% ของสินเชื่อรวม

ด้านแผนการดำเนินงานนั้น นายสุจิน สุวรรณเกต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารจะเน้นขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ มีศักยภาพในการผ่อนสูง เช่น กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคาร (Payroll) ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าวประมาณ 700,000 ราย ดังนั้นมองว่าธนาคารยังมีโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตในกลุ่มดังกล่าวได้อีกมาก

โดยยอดบัตรเครดิตของธนาคารตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกรกฏาคมเพิ่มขึ้นกว่า 70,000 บัตร ซึ่งเชื่อว่าทั้งปีจำนวนบัตรเครดิตของธนาคารน่าจะเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายคือ 100,000 บัตร จากฐานบัตรเครดิตปัจจุบันอยู่ที่ 250,000 บัตร และในปี 2550 ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตใหม่ 500,000 บัตร

"ธนาคารมองถึงสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้จากบัตรเครดิตมากที่สุด โดยมั่นใจว่าธนาคารได้ให้ข้อเสนอในรูปแบบของอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสถาบันการเงินอื่นๆ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 17.25% เนื่องจากต้นทุนของธนาคารจะต่ำ ทั้งจากความเสี่ยงที่ต่ำในกลุ่มลูกค้า Payroll ด้านการใช้ช่องทางสาขาเป็นช่วยขายผลิตภัณฑ์
ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำสามารถคิดดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำกว่าสถาบันกหารเงินอื่นๆได้"

นอกจากนี้ธนาคารจะออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรของธนาคารเฉลี่ยประมาณ 5,000 บาทต่อบัตรต่อเดือน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่การใช้จ่ายผ่านบัตรของธนาคารอันดับหนึ่งจะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อันดับสองจะเป็นการเติมน้ำมัน

ส่วนบริการสินเชื่อ SCIB CREDIT สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป และ SCIB SALARY PLUS สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้จ่ายเงินเดือนผ่านธนาคาร (Payroll) โดยธนาคารได้กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด ที่จะเน้นอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าคู่แข่งสำหรับบริการประเภทเดียวกัน คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อยชั้นดี MRR + 13 % และ MRR + 8 % สำหรับบริการ SCIB CREDIT และ SCIB SALARY PLUS โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนบัตรดังกล่าวประมาณ 100,000 บัตรภายในปีนี้ และอีก 100,000 บัตรภายในปี 2550

ส่วนบัตรเดบิตนั้น ได้เสนอทางเลือกให้กับลูกค้าบัตรเอทีเอ็ม ที่จะต้องการจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการใช้บัตร
นอกเหนือจากการถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม โดยมีเป้าหมายที่จะปรับจากบัตรเอทีเอ็มเป็นบัตรเดบิต จากปัจจุบันมีฐานบัตรเอทีเอ็มประมาณ 500,000 บัตร ซึ่งลูกค้าจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนเป็นบัตรเดบิต อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ใช้จ่ายซื้อสินค้าได้เหมือนกับบัตรเครดิต

"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แบงก์มุ่งเน้นในการขยายฐานผลิตภัณฑ์บัตรทุกประเภท เช่น กลุ่มเงินฝาก สินเชื่อ พนักงานบริษัท พนักงานรัฐวิสาหกิจและข้าราชการ และกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการจ่ายเงินเดือนผ่านแบงก์ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.