|
"ป๋าเปรม"กระตุกต่อมคอร์รัปชัน ยุคทักษิณถูก "ว๊าก"มากสุด!
ผู้จัดการรายสัปดาห์(11 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ทักษิณ"ผู้นำคนเก่ง ทำลายสถิติ ถูก "ป๋าเปรม" ออกโรงเตือนสติมากที่สุด นักรัฐศาสตร์ชี้ "พล.อ.เปรม"คือศูนย์รวมใจของชาติ จึงได้รับแรงเชียร์ เด็กทรท.มั่นใจไม่ลดศรัทธาพรรค แต่เป็นการร่วมมือจากทุกฝ่าย
หลายครั้งหลายคราที่ "ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ" อย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องออกโรงมากระตุกต่อมคิดให้กับสังคมไทย และ "ท่านผู้นำ" ช่วยกันปลุกกระแสความซื่อสัตย์ สุจริต ให้กลับขึ้นมามีอิทธิพลเหนือการทุจริต คอร์รัปชั่น ที่นับวันจะปกคลุมแผ่ขยายมากขึ้น
ความรุนแรงจากพิษทุจริต คอร์รัปชั่นนั้น พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เคยมีพระราชดำรัสถึงความรุนแรงว่าสามารถหยุดความก้าวหน้าของชาติได้ หากปัญหาดังกล่าวยังคงมีอยู่ในสังคมไทย การออกมาปรามและเชิญชวนให้คนไทยพากันต่อต้าน คนโกง ทุจริตทุกรูปแบบของพล.อ.เปรม ซึ่งอยู่ในฐานะที่ทุกคนให้การยอมรับในสถานะ "ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ" นอกเหนือไปจากการแสดงความห่วงใยต่อบ้านเมืองแล้ว บางครั้งหลายคนยังมองว่าเป็น "สัญญาณ"ที่ต้องการสื่อไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตรง จึงไม่แปลกที่มักเกิดคำถามพุ่งตรงไปยังนายกฯ หลังสิ้นเสียงเตือนจากพล.อ.เปรม
"ป๋าเปรม"หนักใจ "ทุจริต"ทำลายชาติ
ก่อนหน้าที่จะมีปาฐกถานัดพิเศษจากพล.อ.เปรม เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันขยายพื้นที่สีขาวในประเทศ ด้วยการซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นรอบข้าง ชี้ว่าความทุจริต จะทำให้บ้านเมืองไม่เจริญก้าวหน้า การออกมาย้ำเตือนเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริตแก่คนไทยนั้นต้องยอมรับว่าตลอดช่วงอายุรัฐบาลของนายกฯทักษิณ นั้นประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ทำหน้าที่เช่นนี้มาหลายครั้ง
แต่ดูเหมือนเมื่อครั้งที่ พล.อ.เปรม เปิดปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "จริยธรรมของการบริหารภาครัฐ" ที่กล่าวในงานครบรอบ 30 ปี รัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เมื่อ 9 ก.ค.2548 ที่ผ่านมาได้สร้างความขุ่นข้องให้กับ นายกฯทักษิณ อย่างมากเนื่องจากถูกมองว่าปาฐกถาพิเศษดังกล่าวต้องการสื่อใจความไปยังผู้นำของประเทศโดยตรง เพราะเนื้อหาได้ระบุถึงแนวทางการบริหารงานอย่างเป็นธรรมด้วย ที่สำคัญไม่ควรมีสองมาตรฐานในการบริหารประเทศ และเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง
ในเดือนมี.ค.2548 ภายหลังจากที่ นายกฯทักษิณ ได้สั่งให้มีการปรับเปลี่ยนจัดรูปแบบการบริหารปกครอง ในพื้นที่3 จังหวัดภาคใต้ด้วยการแบ่งโซนปกครอง ถูกกระแสต่อต้านและมีเสียงวิพากษ์อย่างมากจากทั่วสารทิศ รวมทั้งพล.อ.เปรม ที่ได้ออกมาเตือนสติ จนในที่สุดนายกฯทักษิณ ต้องเข้าพบพล.อ.เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ ขอคำแนะนำดับไฟใต้
"ทักษิณ"เก่งแต่ "ดื้อ"ต้องเตือนบ่อย!
การออกมาปลุกจิตสำนึกหรือกระตุ้นเตือนผู้นำในการแก้ปัญหาของพล.อ.เปรม สามารถสร้างน้ำหนักให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี ทั้งด้วยสถานะอันสูงส่งของความประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ แล้วหลายคนปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อครั้งที่พล.อ.เปรม ทำหน้าที่ "นายกรัฐมนตรี" นั้นสามารถดำรงภาพแห่งความซื่อสัตย์ โปร่งใสให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างชัดเจน
"สิ่งที่เราควรมองและตีโจทย์ให้แตก คือการมองสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านโครงสร้าง ผ่านระบบ โดยที่มองข้ามเรื่องของตัวบุคคล เพราะไม่อย่างนั้นไม่จบ การออกมาให้ข้อคิดของพล.อ.เปรม ในแต่ละครั้งนั้นนอกเหนือไปจากการแสดงความห่วงใยต่อบ้านเมือง แล้วยังทำให้เราได้เห็นภาพรวมจากโครงสร้างการปกครองของประเทศได้ชัดมากขึ้น"
พ.อ.ดร.พีรพงษ์ มานะกิจ อาจารย์พิเศษ คณะพัฒนาสังคม สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ระบุ พร้อมทั้งอธิบายว่า แนวคิดหรือคำตักเตือนของพล.อ.เปรม ที่ได้รับการยอมรับจากสังคม เนื่องจากด้วยสถานะของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปรียบเสมือนตัวแทนจากศูนย์รวมจิตใจของคนไทย อีกทั้งพล.อ.เปรม คือนายกรัฐมนตรี ที่มาจากจุดกึ่งกลางระหว่างภาคราชการและทุน จึงสามารถมองปัญหาที่จะเกิดขึ้นในสังคมได้อย่างเข้าใจ
"ที่ผ่านมา เราอาจรู้สึกว่าเสียงตักเตือนจากพล.อ.เปรม ที่มีต่อผู้นำคนอื่นๆอาจไม่มากหรือถี่เหมือนในยุคนายกฯทักษิณ อาจเป็นเพราะนายกฯคนก่อน ยอมรับฟังเสียงวิจารณ์จากคนอื่น ไม่ดื้อดึง แต่สำหรับนายกฯทักษิณ แล้วไม่ใช่เลย จึงไม่แปลกต่อไปเราจะยังคงเห็นเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก"
ทรท.ปากแข็ง เสียงเตือนไม่ทอนกระแส
ขณะที่ภายในพรรคไทยรักไทย เองพยายามที่จะประสานเสียงว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด เพียงแต่ยังทำให้สำเร็จได้ยาก คำตักเตือนจากทุกฝ่ายนั้นไม่ได้เจาะจงเฉพาะที่ตัวผู้นำหรือรัฐมนตรีเพียงเท่านั้น
"การทุจริต คอร์รัปชั่น เกิดจากความร่วมมือจากฝ่ายการเมือง และข้าราชการประจำ รวมทั้งตัวแทนจากภาคเอกชนซึ่งฝังรากมานานดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะแก้ปัญหาได้หมดภายในเวลาอันสั้น
การออกมาตักเตือนของพล.อ.เปรม หรือดร.สุเมธ ตันติเวชกุล แต่ละครั้งเหมือนเป็นการช่วยกันดูแลสังคมมากกว่า แต่ไม่ใช่เจาะจงตำหนิใครคนใดคนหนึ่งแน่นอน" โสภณ เพชรสว่าง ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคไทยรักไทย ระบุ
นับจากนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า การออกมาตักเตือนจากประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษอย่างพล.อ.เปรม ด้วยความห่วงใยต่อชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะตัวผู้นำรัฐบาล ในครั้งหน้าจะเกิดขึ้นกับกรณีใดอีก แต่ที่แน่ๆในการกระตุ้นเตือนแต่ละครั้ง อาจทำให้ "ราคา"ของรัฐบาลยิ่งถูกลดทอนลงไปโดยปริยาย และที่สำคัญไปกว่านั้นดูเหมือนแนวร่วมจะเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ...
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|