"คณะเซนต์คาเบรียล" เรื่องของเถ้าแก่ หรือมืออาชีพในการบริหารการศึกษา


นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิคนั้นมีคณะต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อเผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า

คณะเซนต์คาเบรียลก็เช่นกันได้สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ.2248 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยนักบุญหลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต (ST.LOUIS MARIE DE MONTFORT) เพื่อดำเนินการจักการศึกษาโดยจุดมุ่งหมายเริ่มแรกให้เยาวชนอ่านออกเขียนได้ และมีแนวทางศาสนาได้ประพฤติตนเป็นคนดี

อนึ่งการถือพรหมจรรย์ในคริสตศาสนาโรมันคาธอลิคนั้นแบ่งเป็น 2 ขั้น ขั้นสูงนั้นยอมรับอุปสมบทเป็นบาทหลวงซึ่งทำหน้าที่ประกอบศาสนกิจโดยตรง เป็นผู้แทนระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับคริสตังทั้งหลาย ส่วนขั้นต่ำเพียงรับบรรพชาเข้าในสำนักหรือคณะต่างๆปฎิบัติตามที่บ่งไว้ในวัตรปฎิบัติ ไม่มีศานกิจโดยตรง ดังเช่นคณะเซนต์คาเบรียลซึ่งมีกิจโดยตรงในการให้การศึกษาแก่เยาวชน

คณะเซนต์คาเบรียลเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี เพื่อดำเนินกิจการโรงเรียนอัสสัมชัญจากบาทหลวงกอลมเบต์ และมีคณะดำเนินงานอยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ยังไม่มีการตั้งเป็นมูลนิธิอย่างชัดเจนแต่ได้ดำเนินการเพื่อการศึกษาแก่เยาชนเรื่อยมา จนกระทั่งปี 2499 ได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยกับกระทรวงมหาดไทย

เมื่อแรกคณะเซนต์คาเบรียลมุ่งให้การศึกษาแก่เยาวชนในระดับต้นๆไม่เกินชั้นมัธยมปลาย และคณะภราดาเป็นผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอนด้วย โดยมีครูสามัญไม่มากนัก

"…แต่ละคนไม่มีทรัพย์สมบัติของตนเอง แต่ละคนต้องอ่อนน้อมถ่อมตนฟังบังคับบัญชาของผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบริหาร"ศุลักษณ์ ศิวรักษ์ อัสสัมชนิกคนหนึ่งกล่าวไว้ในงานเขียนชื้นหนึ่งของเขา ถึงการทำงานที่มีระเบียบวินัยของภราดาคณะเซนต์คาเบรียล ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การดำเนินงานของคณะเซนต์คาเบรียลเป็นไปด้วยดีมาตลอด"

แต่เมื่อขยายสถาบันการศึกษาในเครืออกไป ทั้งระดับพาณิชยการและรดับอุดมศึกษาซึ่งต้องใช้บุคลากรและเงินทุนมากขึ้น

"สถาบันการศึกษาที่เราเข้าไปดำเนินการส่วนใหญ่จะมีที่ดินหรือโรงเรียนหลูกสร้างอยู่แล้ว แม้บางแห่งยังไม่มีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอยู่แล้ว แม้บางแห่งยังไม่มีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง เมื่อมีผู้มาขอให้ทางมูลนิธิเข้าไปดำเนินการ ถ้ามูลนิธิฯเห็นควรก็จะเข้าไปดำเนินการ เราจะเข้าไปจัดการทั้งทางด้านบุคลากรและการเงิน เข้าไปจัดการทุกอย่าง" อดีตอธิการเจ้าคณะเซนต์คาเบรียลท่านหนึ่ง กล่าวถึงสถาบันการศึกษาในเครือทั้งหมด ที่อยู่ภายใต้การบริหารของมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย

"อธิการสถาบันการศึกษาในเครือจะมีการผลัดเปลี่ยนกันจะอยู่ในตำแหน่งได้ติดต่อกันไม่เกิน 2 เทอมๆละ 3 ปี จากนั้นจะหมุนเวียนกันทั้ง 14 แห่ง บางที่ก็ผลัดเปลี่ยนคนใหม่มา ซึ่งก็แล้วแต่คณะกรรมการของทางมูลนิธิ" อดีตอธิการกล่าวเสริม

เมื่อสถาบันการศึกษาต่างๆ อยู่ในเครือภายใต้การบริหารงานของคณะเซนต์คาเบรียลแล้ว ทางมูลนิธิฯ จะต้องลงทุนพัฒนาสถาบันนั้นๆ และอธิการของแต่ละสถาบันก็เป็นภราดาของคณะเซนต์คาเบรียล เปรียบไปก็เหมือนเถ้าแก่ที่ลงทุนแล้วเข้าไปบริหารงานเอง

ในโลกธุรกิจบทเรียนการบริหารงานแบบเถ้าแก่มีให้พบเห็นมากมาย คณะเซนต์คาเบรียลคงพอจะเข้าใจเรื่องนี้ จึงได้มีการพัฒนาส่งเสริมความรู้แก่บุคลากรของสถาบันในเครือรวมทั้งคณะภราดาด้วย

"มีการส่งไปศึกษาเพิ่มเติม อาจเรียนทางด้านบริหารการศึกษา เรียนปริญญาโททางบริหารธุรกิจหรือเรียนเศรษฐศาสตร์ก็แล้วแต่ความเหมาะสม นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดสัมมนาทางวิชาการ หรือ ส่งไปดูงานต่างประเทศเสมอๆ" อธิการโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพ กล่าวกับ "ผู้จัดการ"ถึงการพัฒนาความรู้ความสามารถของภรดาคณะเซนต์คาเบรียล เพื่อให้ทันโลกทันเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น

ดูเหมือนคณะเซนต์คาเบรียลกำลังพยายามจะทำตัวเป็นเถ้าแก่ที่เป็นมืออาชีพในโลกการศึกษา แต่จะทำได้สักเพียงไรต้องคอยติดตาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.