|
เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกสลึงตามคาด
ผู้จัดการรายสัปดาห์(7 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 1 ปี อีกทั้งยังไม่แสดงสัญญาณว่ากำลังจะยุติเรื่องนี้ โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นเฟดฟันด์เรต ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีก 0.25% เป็น 3.25% แถมคำแถลงภายหลังการประชุมระบุว่า นโยบายการเงินยังคง "เอื้ออำนวย" ซึ่งหมายความว่ากระทั่งเพิ่มขึ้นคราวนี้แล้ว อัตราดอกเบี้ยก็ยังอยู่ในลักษณะกระตุ้นส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเฟดจึงพูดสำทับเหมือนกับการประชุม 10 ครั้งหลังสุดว่า คาดหมายว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปด้วยฝีก้าว "สุขุมรอบคอบ" ส่วนที่คำแถลงครั้งล่าสุดแตกต่างไปจากคำแถลงของการประชุมคราวก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ได้แก่การประเมินภาวะเศรษฐกิจในแง่สดใสมากขึ้น กล่าวคือครั้งนี้ชี้ว่า "ถึงแม้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นต่อไป แต่การขยายตัว(ของเศรษฐกิจ)ก็ยังคงมั่นคง และเงื่อนไขในตลาดแรงงานก็ยังคงกระเตื้องขึ้นอย่างช้าๆ"
ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจญี่ปุ่นกระเตื้องขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแดนอาทิตย์อุทัย หรือที่เรียกว่าดัชนีตังกัง ซึ่งสำรวจและจัดทำโดยธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น(บีโอเจ)เป็นรายไตรมาส ส่อแสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจกำลังมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น อีกทั้งกำลังวางแผนจะลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยดัชนีตังกังล่าสุดที่บีโอเจนำออกเผยแพร่ในวันที่ 1 กรกฎาคมระบุว่า ในส่วนของบริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อันถือเป็นกลุ่มแกนซึ่งขับดันเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้น ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ +18 ดีขึ้นจากการสำรวจเมื่อไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ +14 ทั้งนี้การสำรวจจะสอบถามบริษัทต่างๆ ว่าภาวะทางธุรกิจดี หรือเลว หรือทรงๆ แล้วนำเอาผู้ที่ตอบว่าดีมาลบออกจากผู้ที่ตอบว่าเลว ส่วนผู้ตอบว่าทรงๆ จะถูกตัดทิ้งไป นอกจากนั้น ในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ บริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตอบว่ามีแผนเพิ่มการใช้จ่ายด้านการลงทุน มีจำนวน 9.4% สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีเพียง 1%
ศาลสูงฟิลิปปินส์ระงับมาตรการภาษีอาร์โรโย
ศาลสูงฟิลิปปินส์ออกคำสั่งชั่วคราว ระงับการใช้มาตรการขยายการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐบาลประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย หลังจากที่เริ่มมีผลบังคับใช้ยังไม่ทันเต็มวัน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวถือเป็นหมัดสำคัญของรัฐบาลในการแก้ปัญหาขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง ตลอดจนในการเรียกคืนความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นการถูกระงับไปเช่นนี้จึงส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วน ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์และค่าเงินเปโซต่างตกฮวบ ถึงแม้ฝ่ายค้านและกลุ่มผู้ค้าน้ำมันคือผู้ยื่นคำร้องต่อศาลสูง แต่เนื่องจากคณะผู้พิพากษาศาลสูงลงมติเรื่องนี้ด้วยเสียงเอกฉันท์ ทั้งที่ต่างได้รับการแต่งตั้งจากอาร์โรโย จึงทำให้นักวิเคราะห์บางคนสงสัยว่าอาจเป็นหมากกลของรัฐบาลที่จะผ่อนเพลาสถานการณ์ ภายหลังเห็นว่ามาตรการเหล่านี้ถูกประชาชนคัดค้านกันมากมาย เพราะมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเอากับไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์น้ำมันเป็นครั้งแรก ทำให้ประชาชนที่ไม่พอใจอาร์โรโยในเรื่องอื้อฉาวโกงเลือกตั้งและทุจริตรับเงินหวยเถื่อนอยู่แล้ว ยิ่งเกิดความโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก
สภาสหรัฐฯลงมติค้านจีนเทคโอเวอร์ยูโนแคล
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงคะแนนด้วยเสียง 398 ต่อ 15 ผ่านมติที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกันสกัดกั้นการที่บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น (ซีนูก) เสนอซื้อยูโนแคล บริษัทน้ำมันและก๊าซสัญชาติอเมริกัน ด้วยเหตุผลว่า ซีนูกเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน หากปล่อยให้เข้าครอบครองยูโนแคลได้สำเร็จ ก็จะเป็นการคุกคามว่าจะสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยวว่า การเสนอเทคโอเวอร์ของซีนูก เป็นกิจกรรมทางการค้าปกติระหว่างบริษัทต่างๆ เท่านั้น จึงไม่ควรตกเป็นเหยื่อของการแทรกแซงทางการเมือง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|