|
ซัมมิตจี 8แม้ได้ไม่เท่าที่นึกแต่ก็มากกว่าที่คิด
ผู้จัดการรายสัปดาห์(14 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดการระเบิดโจมตีระบบขนส่งของกรุงลอนดอนเมื่อตอนเช้าวันที่ 7 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรี โทนี แบลร์ ก็ปรากฏตัวทางโทรทัศน์ประกาศต่อโลกว่า ถึงแม้เผชิญกับความเหี้ยมโหดจากการก่อวินาศกรรมดังกล่าว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 คน และบาดเจ็บอีก 700 คน แต่การประชุมสุดยอดของกลุ่ม 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี 8) ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ที่โรงแรมเกลนอีเกิลส์ เขตการปกครองสกอตแลนด์ ก็ยังจะเดินหน้าต่อไป
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรบอกว่า เห็นได้ชัดเจนว่าคนร้ายซึ่งก่อเหตุคราวนี้มุ่งกระทำการในเวลาเดียวกับที่กำลังมีการประชุมสุดยอด เจตนาเช่นนี้นับว่า "ป่าเถื่อนเป็นพิเศษ" เขาชี้ เพราะพวกผู้ก่อการร้ายเข้าโจมตีสหราชอาณาจักร ตอนที่เหล่าผู้นำชาติร่ำรวยที่สุดของโลก กำลังพยายามหาหนทางเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่หลวงที่สุดบางประการของพื้นพิภพ อาทิ การริเริ่มโครงการพัฒนาใหม่ระดับใหญ่โตเพื่อทวีปแอฟริกาซึ่งจมปลักอยู่ในความยากจน และนโยบายที่จะรับมือกับภาวะอุณหภูมิของโลกซึ่งเพิ่มสูงขึ้นทุกที
แบลร์ให้คำมั่นว่า ที่ประชุมซัมมิต จี 8 จะไม่ยอมให้การก่อการร้ายมาก่อกวนการสร้างผลงานดีๆ เหล่านี้ และก็นับได้ว่าเขาสามารถรักษาสัญญาในการประคับประคองให้การประชุมสุดยอดยังคงเดินไปตามทิศทาง ถึงแม้ตัวเขาเองจำต้องผละจากที่ประชุมไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน เพื่อประเมินสถานการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในลอนดอน
ตั้งแต่ก่อนเหตุบึ้ม ซัมมิตคราวนี้ก็ได้รับความสนอกสนใจอย่างใหญ่หลวงอยู่แล้วจากเหล่านักรณรงค์เคลื่อนไหว ที่พยายามกดดัน จี 8 ให้ยอมดำเนินโครงการริเริ่มใหม่ๆ และใหญ่ๆ ทั้งนี้การรณรงค์มีทั้งการจัดแสดงคอนเสิร์ตพร้อมกัน 4 ทวีปทั่วโลก และการชุมนุมเดินขบวนในสัปดาห์ก่อนหน้าการประชุมเกลนส์อีเกิลส์
บรรดาผู้นำโลกที่อยู่นอกกลุ่ม จี 8 ก็ตอบรับคำเชิญและเดินทางไปร่วมหารือในบางวาระที่เกลนอีเกิลส์เช่นกัน ด้วยความหวังว่าจะสามารถเอื้ออำนวยให้เกิดข้อตกลงซึ่งพวกเขามองว่ามีความสำคัญยิ่งยวด
ทั้งนี้ แบลร์ซึ่งให้สัญญาว่าจะต้องมีแผนปฏิบัติการอันคึกคักทั้งในเรื่องโลกร้อน และการขจัดความยากจนของกาฬทวีป เมื่อตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานกลุ่ม จี 8 ตามวาระตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ ตั้งความหวังไว้ว่าจะสามารถผลักดันให้บังเกิดมรรคผลบางประการจากที่ประชุมเกลนอีเกิลส์ ซึ่งโดดเด่นเจ๋งเป้งเพียงพอที่จะทำให้นักเคลื่อนไหวและผู้นำโลกเหล่านี้พึงพอใจได้ตามสมควร
เราคงต้องบอกว่าเขาประสบความล้มเหลวในจุดนี้ แม้ไม่ถึงขั้นหมดท่าอย่างสิ้นเชิง ในแถลงการณ์ร่วมหลายต่อหลายฉบับที่ประกาศกรูเกรียวออกมาโดยกลุ่ม จี 8 ตอนสิ้นสุดการประชุมวันที่ 8 (ซึ่งร่นเร็วขึ้นก่อนกำหนด 1 ชั่วโมง เพื่อให้เวลาแบลร์เดินทางกลับไปรับมือสถานการณ์ในกรุงลอนดอนได้อย่างทันใจมากขึ้น) แม้จะยืดยาวด้วยคำพูดเพราะพริ้งแสดงเจตนารมณ์อันดีงาม ทว่ากลับหดหายไปในเรื่องรายละเอียดจำพวกเป้าหมายรูปธรรมและตารางเวลาดำเนินการ แต่อย่างน้อยที่สุดก็บังเกิดความคืบหน้าอยู่บ้างในบางพื้นที่สำคัญ
โดยเฉพาะเรื่องการขจัดความยากจนในแอฟริกา ซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงก่อนซัมมิต ถือได้ว่ามีความคืบหน้าอย่างจับต้องได้มากที่สุดด้วยซ้ำ กล่าวคือ จี 8 ประกาศว่าจะเพิ่มความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายโดยรวมเป็น 2 เท่าตัว ซึ่งเป็นตัวเลขคร่าวๆ เท่ากับ 100,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2010 ทั้งนี้ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ทีเดียวจะไปสู่กาฬทวีป เหล่านักรณรงค์เคลื่อนไหวสารภาพว่าพวกเขายินดีกับการเพิ่มความช่วยเหลือเช่นนี้ แม้หลายคนยังไม่ลืมตอกย้ำว่า การชะลอไม่ให้เงินทุนก้อนใหม่กันโดยเร็ว จะทำให้ชีวิตคนต้องดับสิ้นไปเป็นล้านๆ
แอฟริกาไม่ใช่พื้นที่เดียวซึ่งกำลังได้รับความช่วยเหลือ จี 8 ยังให้คำมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือก้อนใหม่แก่องค์การบริหารปาเลสไตน์ (พีเอ) ด้วยความหวังว่าจะเป็นการส่งเสริมผลักดันกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง ซึ่งชะงักงันไปไม่ถึงไหนนับแต่การเจรจาล้มเหลวลงเมื่อ 5 ปีก่อน
แบลร์กล่าวในตอนปิดประชุมว่า เหล่าผู้นำ จี 8 ตกลงกันในแพกเกจความช่วยเหลือก้อนใหม่ที่จะให้แก่พีเอรวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านดอลลาร์ในระยะหลายๆ ปีต่อจากนี้ไป ด้วยความหวังว่าจะสามารถช่วยเชิดชูฐานะของ มะหะหมุด อับบาส ประธานปาเลสไตน์คนใหม่ผู้ได้รับเลือกตั้งในเดือนมกราคมปีนี้ ภายหลังการถึงแก่มรณกรรมของ ยัสเซอร์ อาราฟัต
จี 8 หวังว่าฐานะซึ่งแข็งแกร่งขึ้นของอับบาส จะทำให้เขาสามารถรวบรวมอำนาจเหนือดินแดนปาเลสไตน์ที่แตกเป็นเสี่ยง และพร้อมเจรจากับอิสราเอล รวมทั้งการได้ความช่วยเหลือก็จะทำให้เขามีเงินที่จะบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนปาเลสไตน์ซึ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกรังแก ถูกทอดทิ้ง และยากจน
ยิ่งสำหรับประเด็นปัญหาโลกร้อนด้วยแล้ว ถือได้ว่ามีความก้าวหน้าไปใหญ่โตทีเดียว ในเมื่อแถลงการณ์ร่วมของ จี 8 ในประเด็นปัญหานี้ระบุยอมรับว่า กิจกรรมของมนุษย์กำลังทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้น และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งมีกันอยู่ในเวลานี้ อยู่ในระดับอันสมเหตุสมผลควรที่จะพยายามช่วยกันชะลอ หรือกระทั่งกลับตาลปัตรกระบวนการนี้ได้ด้วยซ้ำ
ทว่าด้วยการล็อบบี้อย่างเต็มเหนี่ยวของอเมริกา ทำให้พันธกิจที่จะลงมือทำอะไรในเรื่องนี้อย่างจริงจัง อยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยหนักแน่นเท่าใดนัก กล่าวคือ จี 8 คุยว่าจะ "ลงมือทำด้วยความเด็ดเดี่ยวและเร่งด่วน" แต่กลับไม่ระบุให้จำเพาะเจาะจงว่าจะลงมือทำอะไรกันแน่ หรือจะลงมือทำกันเมื่อใด
กระนั้นก็ตาม ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นอย่างไรเสียก็ต้องถือว่าได้ผลเป็นเรื่องเป็นราวพอสมควร อเมริกาอย่างน้อยที่สุดก็ยอมเห็นพ้องให้กลุ่ม จี 8 แถลงว่าอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นจากฝีมือการกระทำของมนุษย์ ซึ่งเป็นการอ่อนข้อสำคัญเพียงพอที่ทำให้ฝรั่งเศสยุติการข่มขู่ที่ว่า จะออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยโลกร้อนอีกฉบับหนึ่งแยกต่างหากโดยไม่รวมเอาสหรัฐฯเข้าไปด้วย
ขณะที่โครงการช่วยเหลือใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 50,000 ล้านดอลลาร์ ก็ต้องถือเป็นข่าวใหญ่จากซัมมิต ซึ่งปกติแล้วมักจะอุดมไปด้วยข้อตกลงอย่างกว้างๆ ที่สุดเท่านั้น
บรรดาผู้นำ จี 8 ยังได้ให้คำมั่นอีกบางประการ ซึ่งแม้ยังคลุมเครืออย่างมากก็ตาม แต่ก็น่าจะเพิ่มรอยยิ้มให้คนซึ่งสนใจห่วงใยความเป็นไปของภาวะเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง
ทั้งนี้พวกเขาตกลงกันว่าจะยุติการอุดหนุนการส่งออกสินค้าเกษตรของพวกชาติร่ำรวย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญประการหนึ่งที่กระหน่ำซ้ำเติมความยากจนในชนบทของโลกกำลังพัฒนา (แม้น่าเสียดายว่าไม่ได้มีการทำตกลงกันว่าจะยุติกันให้ได้เมื่อใด)
นอกจากนั้น ซัมมิตคราวนี้ยังประกาศว่าต้องลงมือแก้ปัญหาความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ซึ่งถ้ายังขืนปล่อยปละ ก็อาจนำไปสู่สภาพ "ฮาร์ด แลนดิ้ง" ที่จะทำให้เศรษฐกิจไม่ว่าของชาติยากจนหรือชาติร่ำรวย ต้องประสบความยากลำบากยิ่งขึ้นกันถ้วนหน้า
พร้อมๆ กับเสนอขั้นตอนที่มุ่งจะผ่อนคลายความตึงตัวของตลาดน้ำมัน จี 8 ยังระบุนโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาคจำนวนหนึ่ง ซึ่งคงสร้างความยินดีขึ้นบ้างในหัวใจของเหล่านักเศรษฐศาสตร์ผู้วิตกทุกข์ร้อน
อาทิ การปฏิรูปเชิงโครงสร้างในรัสเซียและสหภาพยุโรป, การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคซึ่งต้องเป็นการปรับฐานอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น, และการสร้างวินัยทางการคลังในอเมริกา เพื่อเพิ่มอัตราการออมของประเทศที่กำลังต่ำฮวบน่าใจหาย
เป้าหมายต่างๆ เหล่านี้ คงจะไม่สามารถบรรลุทั้งหมด หรือกระทั่งสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ในอนาคตอันใกล้ แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีก็คงจะเห็นได้ว่า การยอมรับปัญหาย่อมเป็นก้าวแรกในการดุ่มเดินไปบนเส้นทางแห่งการแก้ไขปัญหา
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|