เปิดแผนแปซิฟิกไพพ์ เพิ่มจุดขาย - แตกไลน์สินค้าใหม่


ผู้จัดการรายสัปดาห์(11 มีนาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แปซิฟิก ไพพ์ เร่งสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่บางนาและลาดหลุมแก้ว เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าแถบปริมณฑล ก่อนจะขยายศูนย์ไปยังจังหวัดใหญ่ๆในแต่ละภาค พร้อมวางแผนผลิตท่อเหล็กขนาดใหญ่ 8-16 นิ้ว ในปีหน้า หวังเปิดตลาดท่อเหล็กที่ใช้ทำเสาอาคารเป็นเจ้าแรก เชื่อดันรายได้ปี 48 เพิ่มเป็น 3.2 พันล้าน และ 4 พันล้านในปี 49 ‘สมชัย เลขะพจน์พานิช’ หวั่นเหล็กขาดตลาดกลางปีนี้

ปีนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์นับว่าเฟื่องฟูมาก โดยเฉพาะธุรกิจเหล็กต่างพากันขยายกิจการ บริษัทแปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตท่อเหล็กรายใหญ่ของไทย ก็เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่เร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงธุรกิจขาขึ้น

สมชัย เลขะพจน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัทแปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ ‘หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์’ ถึงแผนการขยายกิจการของบริษัท ว่า ในส่วนของแผนระยะสั้นนั้นจะมีการสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งมี 2 โครงการ คือ

โครงการแรก ทางบริษัทได้ลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่บางนา จ.สมุทรปราการ ในเนื้อที่ 4,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท โดยจะแล้วเสร็จในกลางเดือน เม.ย.2548 ซึ่งศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้อยู่ทางตอนใต้ของกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก มุ่งกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าในแถบ จ.สมุทรปราการ และภาคตะวันออก เช่น ระยอง จันทบุรี

โครงการที่ 2 จะสร้างคลังสินค้าที่ ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ในเนื้อที่ 4,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี โดยศูนย์กระจายสินค้าลาดหลุมแก้วอยู่ตอนเหนือของกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก จะกระจายสินค้าไปยัง รังสิต ถึง จ.สุพรรณบุรี

“ศูนย์กระจายสินค้าของแปซิฟิก ไพพ์ จะเน้น 3 ด้าน คือ การบริการต้องครอบคลุมพื้นที่ของลูกค้า ต้องสะดวกในการขนส่ง และใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูล โรงงานของเราอยู่บริเวณพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ อยู่ด้านตอนใต้ของกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก การขนส่งสินค้าไปยังบางแค ดาวคะนอง จ.นครปฐม และ จ.ราชบุรี จะสะดวก แต่ถ้าไปแถบลาดพร้าว ลำลูกกา หรือ จ.ระยอง ยังไม่สามารถบริการลูกค้าได้เต็มที่ จึงคิดว่าน่าจะสร้างจุดกระจายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น การกระจายสินค้าจะเป็นรูปสามเหลี่ยม ทำให้สามารถส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าแต่ละจุดได้ภายใน 4 ชั่วโมง ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทแปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) กล่าว

สำหรับโครงการระยะยาว มี 2 ส่วน คือ การผลิตท่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่กว่า 8-16 นิ้ว และสร้างศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดใหญ่ของแต่ละภาค

โดยโครงการผลิตท่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่กว่า 8-16 นิ้ว จะเริ่มเดินเครื่องได้ในไตรมาสแรกของปี 2549 โดยจะผลิตที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นโรงงานที่นำท่อเหล็กไปชุบสังกะสีในปัจจุบัน ใช้เงินลงทุน 500 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันท่อเหล็กที่บริษัทผลิตจะมีขนาด 0.5- 8 นิ้ว เป็นท่อที่ใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างหลังคา แต่เหล็กที่มีขนาด 8-16 นิ้ว ที่จะผลิตเพิ่มขึ้นนั้นจะนำไปใช้ทำเสาของอาคารต่างๆ

ซึ่งนอกจากการผลิตแล้วทางบริษัทจะต้องทำประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายท่อเหล็กทราบถึงข้อดีของการใช้เสาเหล็กด้วย เนื่องจากตลาดนี้เป็นตลาดใหม่ เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการใช้ท่อคอนกรีต H beam ในการทำเสาอาคาร ยังไม่มีการใช้ท่อเหล็ก ทางแปซิฟิก ไพพ์ จะต้องเข้าชี้แจงให้ผู้ประกอบการทราบว่าการใช้ท่อเหล็กทำเสาจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 15% ขณะที่ความแข็งแรงทนทานเท่ากัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีในการสร้างการยอมรับ หากสินค้าติดตลาดแล้วเชื่อว่ายอดขายของสินค้าตัวนี้จะไปได้เร็วมาก

ส่วนการสร้างศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดใหญ่ๆของแต่ละภาค จะดำเนินการในปี 2549-2550 โดยเริ่มจาก เชียงใหม่ เพราะเป็นจังหวัดที่มีการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรและโรงงานเป็นจำนวนมาก จากจะพิจารณาความเหมาะสมต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นสุราษฎร์ธานี สงขลา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมโยงโครงข่ายข้อมูล

ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทแปซิฟิก ไพพ์ เหลือกำลังการผลิตอยู่ประมาณ 50% โดยในปี 2547 ผลิตท่อเหล็กได้ 100,000 ตันต่อปี และในปี 2548 จะเพิ่มการผลิตเป็น 150,000 ตันต่อปี ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงได้เพียงพอ แต่หากจะสร้างศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดใหญ่ๆในปี 2549-2550 ก็จะต้องสร้างหรือขยายโรงงานใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น ส่วนจะขยายกำลังการผลิตเป็นเท่าไรนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล

“จากประมาณการคาดว่าหลังจากศูนย์กระจายสินค้าที่บางนาเปิดดำเนินการ จะทำให้ในปี 2548 แปซิฟิก ไพพ์ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ประมาณ 30% คือเพิ่มขึ้นจาก 2,600 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาท ส่วนในปี 2549 หลังจากที่ศูนย์กระจายสินค้าที่ลาดหลุมแก้วเปิดดำเนินการ และเริ่มมีการผลิตท่อขนาด 8-16 นิ้ว จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอีก 15-20% และมีรายได้เพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท” สมชัย เลขะพจน์พานิช ระบุ

กรรมการผู้จัดการ บริษัทแปซิฟิกไพพ์ ยังแสดงความวิตกว่าอาจเกิดภาวะขาดแคลนเหล็กขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2546 จีนมีความต้องการใช้เหล็กถึง 250 ล้านตัน ปี 2547 ใช้ 300 ล้านตัน และคาดว่าปีนี้จีนจะต้องการใช้เหล็กสูงถึง 350 ล้านตัน ซึ่งจะพอดีกับความต้องการภายในประเทศ และจะเริ่มขาดแคลนในช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลกระทบกับตลาดเหล็กทั่วโลก เพราะปริมาณการใช้เหล็กของจีนเท่ากับ 1 ใน 3 ของทั้งโลก

ประกอบกับอินเดียกำลังเริ่มฟื้นฟูประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประเทศที่มีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีมูลค่ามหาศาลอีกประเทศหนึ่ง หลังจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนานใหญ่ของประเทศมหาอำนาจใหม่อย่างจีน

“คาดว่ากลางปีนี้เหล็กจะเริ่มขาดตลาดอีกครั้ง ทำให้ราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้าง รวมถึงเหล็กมีราคาสูงขึ้นด้วย ”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.