"เบสท์ฟู้สด์" ลั่นกลุ่มอาหารต้องโต20% โฟกัส"น้ำสลัด-สเปรด"ยิงยาวสิ้นปี49


ผู้จัดการรายวัน(18 สิงหาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เบสท์ฟู้ดส์ ขยายอาณาจักรอาหาร ประกาศแผนต้องโตเพิ่มอย่างน้อย 20% ชูนโยบายโฟกัส2กลุ่มผลิตภัณฑ์ "สเปรด - น้ำสลัด" ล่าสุดทุ่ม 60 ล้านบาท จับมือการ์ดีเนีย เปิดตัวแคมเปญ "เริ่มทุกเช้าด้วยคุณค่าความอร่อย"ยิงยาวนาน 2 ปี หวังเป็นหมากกระตุ้นการบริโภคอาหารมื้อเช้ากลุ่มเด็ก-วัยทำงาน สิ้นปีตั้งเป้าโต 15% กวาดรายได้ 2,000 ล้านบาท

นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ยูนิลีเวอร์ เบสท์ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราเบสท์ฟู้ดส์ เปิดเผยว่า นโยบายของเบสท์ฟู้ดส์ในปีนี้และปี 2549 จะมุ่งขยายตลาดรวมเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 20% โดยเน้นทำตลาด 2กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก คือ น้ำสลัด ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว 3 สูตรใหม่ ได้แก่ ซีซาร์,เธาเซินด์ ไอส์แลนด์,ไลท์ เลมอน และกลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรด ล่าสุดได้เปิดตัวรสเชดด้า ชีส และรสทูน่า อีกทั้งยังประเดิมด้วยการจับมือร่วมกับขนมปังการ์ดีเนีย เปิดตัวแคมเปญ"เริ่มทุกเช้าด้วยคุณค่าความอร่อย"ภายใต้แนวคิดอร่อยมื้อเช้าอย่างมีสไตล์ สะดวก ครบคุณค่าโภชนาการ

โดยการร่วมมือดังกล่าว จะนำผลิตภัณฑ์จากทั้งสองบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากเบสท์ฟู้ดส์ แยม สเปรด มาร์การีน และเนยถั่วตราสกิปปี ส่วนผลิตภัณฑ์จากการ์ดีเนีย คือ ขนมปัง มาทำการตลาดและโปรโมชันร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการวิจัยร่วมกัน โดยโครงการดังกล่าววางไว้เป็นระยะเวลา 2 ปี ใช้งบ 60 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทปูพรมด้วยการแจกสินค้าตัวอย่าง แซนด์วิชสเปรด คู่กับขนมปังการ์ดีเนียตามโรงเรียนทั่วกรุงเทพ 20 แห่ง เพื่อประชาสัมพันธ์และกระตุ้นให้คนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของโครงการนี้ เห็นถึงความสำคัญการรับประทานอาหารมื้อเช้า ทั้งนี้คาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะกระตุ้นส่วนแบ่งการตลาดทั้งสองบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%

นายญนน์ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยรับประทานอาหารมื้อเช้ามากนัก ส่งผลให้เด็กไทยมีพฤติกรรมไม่รับประทานอาหารมื้อเช้าตามมาด้วย โดยจากการวิจัยพบสาเหตุที่ทำให้คนไทยเริ่มไม่รับประทานอาหารมื้อเช้า มีปัจจัยมาจากไม่มีเวลาทำอาหารเช้า อีกทั้งยังรับประทานอาหารที่ไม่ถูกโภชนาการ โดยการเลือกทำตลาดเฉพาะมื้อเช้าก่อน เพราะจากการวิจัยพบว่า โอกาสที่คนจะบริโภคขนมปังในมื้อเช้าถึง 70% ส่วนอีก 30% เป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ อย่างไรก็ตามในเร็วๆนี้บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมการตลาด 2-3 โครงการ เพื่อกระตุ้นการรับประทานอาหารมื้อเช้าในกลุ่มวัยทำงานต่อไป

"เรามีเป้าหมายขยายส่วนแบ่งตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์แซนด์วิช สเปรดจากปัจจุบันมี 42% เพิ่มเป็น 50-52% จากมูลค่าตลาด 2,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าตลาดจะโต 50% ส่วนตลาดน้ำสลัดมูลค่า 300 ล้านบาท ปีตั้งเป้ามีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 60% เป็น 70% ขณะที่ตลาดแยมมูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าตลาดจะโต 30-40% โดยบริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 75% ผลประกอบการทั้งปีตั้งเป้าโต 15% หรือ 2,000 ล้านบาท"

นายโจเซฟ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การ์ดิเนีย ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดขนมปังมูลค่า 6,000 ล้านบาทว่า ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 20% เนื่องจากเป็นตลาดที่สอดคล้องกับช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ คนไทยมีกำลังการซื้อที่ลดลง อีกทั้งการดำเนินชีวิตมีความเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับการบริโภคของคนไทยยังมีน้อยมาก คือแค่ 3.8 ก.ก.ต่อปี เมื่อเทียบกับในประเทศเอเชียด้วยกัน อย่างประเทศสิงคโปร์มากกว่า 6-7 เท่า ส่งผลให้ตลาดขนมปังยังขยายตัวได้อีกมาก

โดยเฉพาะเซกเมนต์พรีเมียมหรือขนมปังเพื่อสุขภาพมูลค่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30-40% มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก เพราะคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ขนมปังขาวยังคงเป็นตลาดใหญ่อยู่ราว 60-70% และเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ อัตราการบริโภคขนมปังขาวมีเพียง 30-40% ส่วนขนมปังเพื่อสุขภาพ 60-40%

สำหรับแผนการตลาดของการ์ดีเนีย บริษัทจะเน้นกลุ่มขนมปังเพื่อสุขภาพในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 600 ล้านบาท เติบโตเป็น 2 เท่าตัว จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากขนมปังเพื่อสุขภาพ 50% และอื่นๆ 50%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.