ทศท.ไม่สนทีเอฟ้อง


ผู้จัดการรายวัน(28 สิงหาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ทศท.ไม่สนทีเอฟ้องอนุญาโตตุลาการเรียกเงิน 6 พันล้านถึง แม้ที่ผ่านมารัฐไม่เคยชนะเอกชน แต่"สุธรรม มลิลา"กรรมการผู้จัดการใหญ่ ย้ำชาตินี้จะแพ้หมดทุกเรื่องก็เป็นไปไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลวางกลยุทธ์สู้สุดฤทธิ์ ด้าน"ศุภชัย เจียรวนนท" นายใหญ่ทีเอยันแค่ปกป้องสิทธิ ไม่ได้หวังตัวเงิน แต่ประเด็นหลักต้องการสะสางเรื่องค่าเชื่อมโยงโครงข่าย หลังทศท.นิ่งเฉยและต้องการทำให้ทุกสัญญาสัมปทานสื่อสารไม่เหลื่อมล้ำเหมือนทุกวันนี้ ขณะที่สหภาพฯเล่นแรงเตรียมตอบโต้ทีเอตาต่อตาฟันต่อฟัน

นายสุธรรม มลิลา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับบริษัท เทเลคอมเอเซีย หรือ ทีเอ ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน 2.6 ล้านเลขหมายในกรุงเทพฯ กรณีทีเอยื่นเรื่องคณะอนุญาโตตุลาการเรียกร้องให้ทศท.จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนจากโครงข่ายประมาณ 6,000 ล้านบาทว่า ถือเป็นสิทธิของทีเอ เพราะสัญญาระบุว่า หากคู่สัญญามีประเด็นที่ไม่สามารถทำความเข้าใจหรือตกลงกันได้ ให้ใช้อนุญาโต ตุลาการในการยุติปัญหา

"ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากอนุญา โตตุลาการเมื่อวันศุกร์(23 ส.ค.)ที่ผ่าน มา กำลังให้ผู้เกี่ยวข้องประเมินข้อมูลดูว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีข้อพิจารณาร่วมกันอย่างไร เพื่อเสนอข้อมูลให้อนุญาโตตุลาการต่อไป" นายสุธรรม กล่าว

เขากล่าวว่า การประชุมร่วมกันระหว่างทศท คอร์ปอเรชั่น กับทีเอ เพื่อหาทางออกในการขัดแย้งกันวานนี้ ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นแต่พูดกันมาหลายปีแต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากทศท ทำให้ต้องยื่นเรื่องไปยังอนุญาโต ตุลาการ ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการซึ่งทศท ต้องกำหนดกลยุทธ์ แผนการต่างๆใน การต่อสู้ทางกฎหมายซึ่งถือเป็นเรื่องภายใน อะไรที่ทศท.สามารถยึดเป็นหลักในการต่อสู้ได้ "ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้กันแล้ว ต่างคนต่างเตรียม ข้อมูล ที่ผ่านมาถึงแม้รัฐจะไม่เคยชนะเอกชนเลย แต่ชาตินี้จะให้แพ้หมดทุกเรื่องก็เป็นไปไม่ได"

ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีเอ กล่าวว่า การเจรจาวันนี้ยังไม่มีข้อยุติอะไร เพียงแต่ชี้แจงประเด็นที่ทีเอแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทีเออยากให้ทศท.เห็นว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรมากนัก เป็นการเดินไปตามขั้นตอนของสัญญาสัมปทานเท่านั้น

บริษัท เทเลคอมเอเชีย คอร์ปอเรชั่น แจ้งตลาด หลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสำนักงานอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม เป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 25/2545 เพื่อเรียกร้องให้บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น ชำระค่าเชื่อมโยงหรือเชื่อมต่อโครงข่ายที่ ทศท. ได้รับจากและที่พึงเรียกจากผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละรายตามสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนฯ คิดคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2545 เป็นเงินจำนวนไม่น้อยกว่า 6,034,652,795.65 บาท พร้อมกับให้ชำระดอกเบี้ยในอัตรา MLR + 1% ของเงินต้นจำนวนดังกล่าวจน กว่าจะชำระเสร็จสิ้น และให้ชำระผลประโยชน์ตอบ แทนดังกล่าวทุกเดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2545 เป็นต้นไป (เป็นเงินประมาณเดือนละ 700 ล้านบาท) จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาสัญญาสัมปทาน

"มีการหารือกันหลายปีแต่ข้อยุติไม่ได้ ก็ต้องเป็นไปตามครรลองของสัญญาต้องไปยุติที่อนุญาโตฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเองไม่มีใครผิดใครถูก ไม่มีใครเป็นพระเอก หรือ ผู้ร้าย" นายศุภชัย กล่าว ประเด็นหลักที่เขาเห็นว่า สำคัญกว่าตัวเงินที่เกิด ข้อพิพาทคือ เรื่องการเชื่อมต่อโครงข่ายหรือ อินเตอร์ คอนเน็กชั่นชาร์จ ที่เห็นว่าแต่ละสัญญาสัมปทานมีความเหลื่อมล้ำกันในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีจำนวนประมาณ 12 ล้านเลขหมายใหญ่กว่าโทรศัพท์พื้นฐานที่มีจำนวนประมาณ 6 ล้านเลขหมายถึงเท่าตัว

ประกอบกับอัตราค่าบริการที่ไม่สะท้อนต้นทุน ที่แท้จริงอย่างกรณีโทรศัพท์มือถือมีโปรโมชั่นนาทีละ 1 บาททั่วไทย ในขณะที่โทรศัพท์พื้นฐานต้องเสียนาทีละ 3 บาท ทำให้ปริมาณการใช้งานระหว่างเครือข่าย จะมีการโทรจากโทรศัพท์มือถือมายังโทรศัพท์พื้นฐานมากกว่า โทรศัพท์พื้นฐานโทรไปยังโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม รวมทั้งอัตราค่าบริการโทรศัพท์มือถือสามารถทำโปรโมชั่นต่ำได้แค่ไหนก็ได้ แต่โทรศัพท์พื้นฐานอัตราค่าบริการต่างๆจำเป็นต้องให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ

"เมื่อไม่มีการคิดค่าเชื่อมโยงโครงข่ายก็ทำให้ฝ่ายโทรศัพท์มือถือตั้งราคาโดยไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ในขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานต้องเป็นฝ่ายรับภาระในส่วนต่างดังกล่าว ผ่านปริมาณการใช้งานที่เข้ามาใช้โครงข่ายจำนวนมาก ซึ่งหากไม่มีการเรียกเก็บทั้ง 2 ขาคือ ขาเข้าและขาออก ก็ไม่ เป็นธรรมกับโทรศัพท์พื้นฐาน"

เขากล่าวว่า หากทศท.เข้าใจปัญหาและสามารถ เจรจาจนได้ข้อยุติก็พร้อมที่จะถอนเรื่องออกจากอนุญาโตฯ เพราะการเชื่อมโครงข่ายเป็นอำนาจของรัฐบาล ที่สามารถมอบหมายให้ใครก็ได้ อย่างกระทรวงคมนาคมโดยไม่ต้องรอให้มีคณะกรรม การกำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) สำหรับผลประโยชน์ตอบแทนที่ทีเอยื่นเสนออนุญาโต ตุลาการก็คิดตามหลักการสากลทั้วไป โดยพิจารณาจากมูลค่าโครงข่ายตามสัดส่วนเปรียบเทียบกัน ซึ่งในสัญญาสัมปทานมีเพียงทีเอ กับทีทีแอนด์ทีเท่านั้นที่มีสิทธิเรียกร้องค่าเชื่อมโยงโครงข่าย

"เราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากกว่าสิทธิที่เรามี แต่สิทธิของเรากับสิทธิของทศท.เกิดมีปัญหากันก็ควรปรับหรือแก้ปัญหาให้เรียบร้อยก่อนที่จะมีการเปิดแข่งขันเสรี แต่ถ้ารัฐบอกไม่ต้องการเปิดเสรีก็จบไม่ต้องมาคุยกันเรื่องนี"นายศุภชัยกล่าวและย้ำว่า ไม่ว่าทีเอจะยื่นอนุญาโตตุลาการก่อนหรือหลังทศท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หากจะมีผลกระทบก็ต้องเกิดขึ้นเหมือนกันเพียงแต่ยื่นตอนนี้ผลกระทบอาจรุนแรงน้อยกว่าตอนที่หุ้นทศท.อยู่ในตลาดแล้วก็ได้

ด้านนายมิตร เจริญวัลย์ ประธานสหภาพ แรงงาน บมจ.ทศท คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "สหภาพแรงงานฯไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโต้ตอบได้ เพราะสหภาพฯต้องคุ้มครองผลประโยชน์ของพนักงานและองค์กร เมื่อมีผู้ประสงค์ร้ายต่อองค์กร เราจำเป็นต้องตอบโต้ หลังจากวันนี้เป็นต้นไปต้องขอให้สมาชิก และพนักงานทุกคนปฏิบัติกับทีเอ เหมือน ศัตรูคู่แข่งคงจะไม่มีการอะลุ่มอะล่วยกันอีก ต่อไปนี้ต้องว่ากันด้วยกฎ ระเบียบ และ ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น ในเวลากลางคืน หรือ ยามวิกาล ห้าม บุคคลภายนอกเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของทศท.การคิด ค่าเช่าพื้นที่ และ ค่าเช่าท่อร้อยสายต้องราคาเต็ม ไม่ ใช่ราคาเพื่อนร่วมงาน นอกจากนั้นวันดี คืนดี สหภาพฯมีหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า กำลังพิจารณาเลิกสัญญากับทีเอ ก็ได้"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.