|
จับตาซัปพลายเออร์กินรวบทุกช่องทางบูมเทรดิชันนัลเทรดแก้เกมโมเดิร์นเทรดอิ่ม
ผู้จัดการรายวัน(15 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ซัปพลายเออร์ อุปโภคบริโภค" พลิกเกมรบระลอก ใหม่ หมายตาฮุบทั้ง 3 ช่องทาง ล่าสุดยักษ์ใหญ่ปลุกยี่ปั๊วซาปั๊วคืนชีพ หวังเป็นช่องทางการสร้างรายได้เพิ่ม หลังโมเดิร์นเทรด ส่อเค้าชะลอตัว 2 ปี "สหพัฒน์" เร่งสร้างแขนขา ฉวยกระแสค่าครองชีพสูง คลอดเฮาส์แบรนด์ โปรโมตร้าน 108 ชอปติดลมบน "โอสถสภา" ชี้ทางรอดซัปพลายเออร์รายย่อย ต้องพึ่งดิสทริบิวเตอร์ "ไบโอฯ" ยื้อเกมรบอัดอีเวนต์หนัก ล่อใจเจ้าของกิจการรากหญ้า
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" เกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดสินค้าอุปโภค บริโภคว่า เป็นยุคที่ซัปพลายเออร์จะต้องให้ความสำคัญ หรือบริหารช่องทางจัดจำหน่ายทั้งสามช่องทางควบคู่กัน ได้แก่ โมเดิร์นเทรด, เทรดิชันนัลเทรด และโชวห่วยระดับรากหญ้า จากในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมานี้ การเติบโตโมเดิร์นเทรด สูงมาก พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน มาซื้อสินค้าในโมเดิร์นเทรดเพิ่ม ขึ้น ซัปพลายเออร์จึงให้ความสำคัญกับช่องทางดังกล่าวแทนที่เทรดิชันนัล เทรด
แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ การขยายตัวของโมเดิร์นเทรดเริ่มชะลอ ตัวลง เพราะไม่มีทำเลที่ดีในการขยาย ปัจจุบันซับพลายเออร์จึงเริ่มกลับมามองช่องทางเทรดิชันนัล เทรดมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก อย่าง ซูเปอร์มาร์เกตท้องถิ่นรายใหญ่ทั่วประเทศมีเกือบ 300-400 ราย ขณะที่โชวห่วยระดับรากหญ้ามีกว่าแสนรายทั่วประเทศ อีกทั้งช่อง ทางดังกล่าวยังไม่ได้มีการบริหารพื้นที่การจัดเรียงสินค้า การตกแต่งร้านให้น่าดึงดูดเท่าไรนัก และจากการวิจัยของเอซีนีลเส็น พบว่า หากมีการบริหารพื้นที่การจัดเรียงสินค้าที่ดีจะสามารถกระตุ้นยอดขายได้ 20%
การแข่งขันหลังจากซัปพลายเออร์รายใหญ่ ลงมารุกช่องทาง เทรดิชันนัล เทรดมากขึ้น ขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ ที่อยู่ในตลาดจะต้องปรับตัวตาม ในอนาคตช่องทางจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคใน ภาพรวมจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน จากเดิมโมเดิร์นเทรดสัดส่วน 35% จะเหลือเพียง 30% ส่วนเทรดิชันนัล เทรดหรือยี่ปั๊วซูเปอร์ มาร์เก็ต ไทยเท่าเดิม 50% ขณะที่โชวห่วย รากหญ้าจะเพิ่มจาก 15% เป็น 20%
ซัปพลายเออร์เล็กกระทบหนัก
นายวิเชียร กล่าวว่า การเข้ามาแข่งขันยึดพื้นที่เทรดิชันนัล เทรดของบรรดาซับพลายเออร์ ด้วยการให้เทรดโปรโมชั่นที่เพิ่มขึ้น จะสร้างผลกระทบต่อสินค้าอุปโภค บริโภคอันดับสี่ของตลาดเป็นต้นไป เพราะเจ้าของกิจการจะเลือกขายเฉพาะสินค้าทอปทรี ขณะเดียวกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เสื้อผ้า ฯลฯ จะได้รับผลกระทบจากการเบียดพื้นที่ของสินค้ากลุ่มฟาสต์มูฟวิ่ง หรือ กลุ่มแชมพู สบู่ ผงซักฟอกของรายใหญ่ไปด้วย ซึ่งซัปพลายเออร์ เบอร์สี่ของตลาด หรือรายย่อยจะต้องปรับตัว โดยใช้บริษัทดิสทริบิวเตอร์ หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการกระจายสินค้า เจาะช่องทางโชวห่วยระดับรากหญ้าแทน
สหพัฒน์ใช้เฮาส์แบรนด์เบิกทาง 108 ชอป
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ทิศทางการแข่งขันสินค้าอุปโภคบริโภค มีความรุนแรงมากขึ้น ซัปพลายเออร์จะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายและล่าสุดซัปพลายเออร์ เริ่มหันกลับผลักดันช่องทางจำหน่าย สินค้าผ่านเทรดิชันนัล เทรด หรือ ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว และซูเปอร์มาร์เกตท้องถิ่นมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ซัปพลายเออร์จะเน้นแต่ช่องทางโมเดิร์นเทรดแต่เพียงช่องทางเดียว
"การแข่งขันในยุคนี้ต้อง หันมาพัฒนาช่องทางจำหน่าย ทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชันนัล เทรดควบคู่กันไป ในอดีตซัปพลาย-เออร์เห็นแนวโน้มโมเดิร์นเทรดเป็น ช่องทางเติบโตสูง พฤติกรรมของคนไทยเริ่มเปลี่ยนหันมาซื้อสินค้าในโมเดิร์นเทรดมากขึ้น ทำให้ ช่องทางเทรดิชันนัลเทรดถูกลดลงบทบาทลงไปมาก อย่างไรก็ตาม การที่ซัปพลายเออร์เริ่มกลับมามอง เทรดิชันนัล เทรดมากขึ้น เพราะขณะนี้ช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์น เทรดใกล้อิ่มตัว"
นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อถึงร้าน 108 ชอปว่า เครือสหพัฒน์ได้เปิดตัวสินค้าเฮาส์แบรนด์ขึ้น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผงซักฟอก และน้ำยาล้างจานภายใต้แบรนด์ "108 ชอป" และเตรียมจะพิจารณาเปิดตัวยาสีฟันและสบู่ต่อไป ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของการเปิดตัวสินค้าเฮาส์แบรนด์ นอกจากเป็นการสร้าง ทางเลือกให้สำหรับกลุ่มผู้บริโภคได้ใช้สินค้าราคาถูกและมีคุณภาพ ขณะเดียวกัน ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่เครือสหพัฒน์อาศัยสินค้าเฮาส์แบรนด์ภายใต้ "108 ชอป" เป็นการสร้างการรับรู้ร้าน 108 ชอปในวงกว้างมากขึ้น เพราะการออกสินค้าเฮาส์แบรนด์ในขณะนี้สอดคล้องกับกำลังซื้อกับผู้บริโภค ใน ยุคที่ค่าครองชีพสูง
สำหรับร้าน 108 ชอป กำเนิด ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เป็น ช่องทางหนึ่งในการจำหน่ายสินค้าภายใต้เครือสหพัฒน์เป็นหลัก และสินค้าแบรนด์อื่นๆเป็นส่วนน้อย ซึ่งปัจจุบันร้าน 108 ชอป มีสาขาทั้งสิ้น 200 แห่งทั่วประเทศ อยู่ ในบริเวณกรุงเทพฯและภาคกลางเป็นหลัก ภายในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าขยาย สาขาให้ครบ 500 แห่ง
ไบโอเร่งอัดอีเวนต์เข้ายี่ปั๊ว-ซาปั๊ว
นายเสรี จิระสุวรรณกิจ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์บีไนซ์ บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า การที่ยักษ์ อย่างยูนิลีเวอร์เองหันมาให้ความสำคัญช่องทางเทรดิชันนัลเทรดมากขึ้น ยอมรับว่าสินค้าภายใต้บริษัทเองหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มน้ำยาปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์ กลุ่ม ครีมอาบน้ำบีไนซ์ และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายวีไวด์ ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในส่วนดังกล่าว บริษัทได้เตรียมแผนการตลาดรองรับการเข้ามายึด พื้นที่ไว้เรียบร้อย โดยบริษัทจะ เพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรมสนับสนุนผ่านช่องทางเทรดิชันนัลเทรดเพิ่มขึ้น
ทางรอดรายย่อยต้องสร้างสัมพันธ์
นายโดม เรืองสมบูรณ์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการตลาด หจก. รวมใจโปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งเย็นเภสัช เปิดเผย ว่า ปัจจุบันนี้รายย่อยจะให้ความสำคัญต่อช่องทางเทรดิชันนัลเทรด ในสัดส่วนถึง 80% ส่วน 20% จะเป็นช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งการที่รายใหญ่เริ่มเข้ามาบริหารพื้นที่จัดเรียงสินค้าในเทรดิชันนัล เทรดมากขึ้น รายย่อยจะได้รับผลกระทบหนักมาก อย่างไรก็ตาม การทำตลาดเพื่อรอง รับกับการแข่งขันในขณะนี้ ทำได้เพียงแต่อาศัยความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน เป็นการต่อลมหายใจ ของซัปพลายเออร์รายย่อยเท่านั้น เพราะรายย่อยคงไม่มีงบประมาณมากพอที่จะเข้าไปซื้อพื้นที่ใน เทรดิชันนัล เทรด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|