|
"ทนง" สั่งก.ล.ต.ชะลอรับ"ช้าง"
ผู้จัดการรายวัน(11 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เลขาฯ ก.ล.ต.ระบุ "ทนง พิทยะ" ต้องการให้เลื่อนพิจารณารับเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น เพื่อศึกษาข้อมูลเผยต้องหาข้อสรุปที่ดีที่สุด ด้านหมอ สงกรานต์ แกนนำกลุ่มผู้คัดค้าน ชี้ต้องดูตำแหน่งเอ็มดี ตลท.ประกอบ เพราะ "กิตติรัตน์' สนับสนุนเบียร์ช้างเข้าระดมทุน ระบุ ตลท.ควรมีมารยาทไม่พิจารณารับเบียร์ช้างในช่วงที่วุฒิสภากำลังพิจารณา เผยหากข้อสรุปวุฒิสภาพร้อมออกกฎหมาย แต่ ตลท.รับเข้าจดทะเบียนไปแล้วจะต้องให้มีการตีความ ว่าจะส่งผลย้อนหลังได้หรือไม่
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.กล่าวถึงการเข้าพบหารือกับดร.ทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวานนี้ (10 ส.ค.) ว่าการเข้าพบเพื่อชี้แจงงานของสำนักงานก.ล.ต.และเรื่องที่รัฐมนตรีให้ความสนใจเรื่องของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือเบียร์ช้าง โดยรัฐมนตรีต้องการให้การประชุมคณะกรรมการก.ล.ต. ในครั้งต่อไปเลื่อนการพิจารณาเรื่อง ดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อให้มีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ ยังมีรายละเอียดและประเด็นที่ต้องพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามข้อคัดค้านของกลุ่มผู้ชุมนุม จะมีการนำเข้าเสนอ ในที่ประชุมซึ่งจะเป็นไปในลักษณะแจ้งให้ทราบข้อมูล เบื้องต้นเท่านั้น แต่ในแง่ของการพิจารณาจะยังไม่มีข้อสรุปใดๆ
"การประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.ในครั้ง ต่อไปนั้น ท่านรัฐมนตรีได้ให้แนวทางไว้แล้วเพียงขอ ให้มีการเลื่อนการพิจารณาลงมติเรื่องเบียร์ช้างออกไปก่อนเพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน จึงอยาก จะใช้เวลาในการศึกษาเรื่องนี้ให้ดีก่อน ดังนั้น จึงต้อง ใช้เวลา" นายธีระชัยกล่าว
สำหรับข้อเรียกร้องของคณะผู้ชุมนุมประท้วงที่ ต้องการให้สำนักงาน ก.ล.ต.ยกเลิกมติคณะกรรมการ ก.ล.ต. ปี 2538 ที่อนุญาตให้ธุรกิจแอลกอฮอล์สามารถกระจายหุ้นได้นั้น นายธีระชัยกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่อยากให้ความเห็นมากไปกว่านี้
นายแพทย์สงกรานต์ ภาคโชคดี แกนนำผู้ประสานงานกลุ่มผู้คัดค้านการจดทะเบียนของ บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มแกนนำได้เพียง ติดตามข้อมูลว่าจะมีการพิจารณาการรับบมจ.ไทยเบฟเวอรเรจ จะมีเมื่อไหร่ โดยข่าวล่าสุดที่กลุ่มแกนนำรับทราบว่าระบุว่ามีความพยายามของบมจ.ไทยเบฟเวอเรจที่จะยื่นแบบแสดงข้อมูล หรือไฟลิ่ง ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
นอกจากนี้คงต้องมีการติดตามข่าวเรื่องวาระตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่จะหมดวาระในเดือน หน้า ว่าจะเป็นไปในลักษณะใดเนื่องจากนายกิตติรัตน์ คือบุคคลที่อยากให้บริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อเพิ่มมูลค่าตลาดรวม หรือ มาร์เกตแคป ให้กับตลาดหุ้นไทย
"ช่วงที่รมว.คลังคือดร.สมคิด เราได้ข้อมูลว่าท่านอยากให้นายกิตติรัตน์อยู่ต่อ แต่เมื่อเปลี่ยนรมว.คลัง ไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตาม" นายแพทย์สงกรานต์กล่าว
สำหรับเรื่องที่กลุ่มผู้คัดค้านได้มีการรวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านกว่า 7 หมื่นคน เพื่อเสนอให้วุฒิสภา มีการพิจารณาออกกฎหมายห้ามธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอบายมุขสามารถระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้น เรื่องดังกล่าวเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ควรจะมีมารยาทไม่พิจารณารับในช่วงที่มีการเสนอให้ออกกฎหมาย ส่วนเรื่องที่ว่าหากการพิจารณาดำเนิน ในระหว่างที่วุฒิสภาพิจารณาออกกฎหมาย หาก ผลสรุปให้มีการออกกฎหมายดังกล่าวจะส่งผล ย้อนหลังกับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์หรือไม่นั้นคงต้องมีการตีความในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง แต่หากว่าทางวุฒิสภาไม่ให้มีการออกกฎหมาย กลุ่มผู้คัดค้านก็จะเตรียมหาแนวทางเพื่อคัดค้านต่อไป
"ยังบอกไม่ได้ว่าหากมีการรับเบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในช่วงที่วุฒิสภาพิจารณาออกกฎหมายจะสามารถดำเนินการย้อนหลังได้หรือไม่" นายแพทย์สงกรานต์กล่าว
สำหรับเรื่องกระบวนการพิจารณา นายแพทย์สงกรานต์กล่าวว่า ขั้นตอนในการพิจารณาจะช้าหรือเร็วคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ที่ดูแลว่าจะให้ความสนใจ กับเรื่องดังกล่าวมากน้อยขนาดไหน เพราะการบรรจุวาระเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่หากเรื่องใดที่ไม่ได้รับความสนใจอาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการพิจารณา
นายโรเบิร์ต เพโนซา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า จากข่าวกรณีการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ช้างนั้น บริษัทคงจะมีการพิจารณาว่าจะเข้าลงทุนในบริษัทไทยเบฟฯ หรือไม่ หากว่าบริษัทไทยเบฟฯ สามารถจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯได้ โดยจะพิจารณาจากคุณภาพของบริษัท และปัจจัยพื้นฐาน รวมทั้งราคาที่จะเสนอขายว่าน่าลงทุนหรือไม่
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า บริษัทไทยเบฟฯมีศักยภาพโดยตัวของบริษัทอยู่แล้วในการแข่งขันด้านการตลาด โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นก็ได้ เนื่องจากว่านักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ก็รู้จักแบรนด์ของบริษัทดีอยู่แล้ว ซึ่งมองว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ บริษัทไทยเบฟฯ ต้องการที่จะได้รับสิทธิทางประโยชน์ทางภาษี
สำหรับการที่มีฝ่ายต่างๆออกมาทำการประท้วง คัดค้านการเข้าจดทะเบียนในตลาดของบริษัทไทยเบฟฯ นั้นน่าจะเป็นเรื่องการห้ามทางสังคม ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน หากมีการคัดค้านก็ควรที่จะทำในรูปแบบอื่นด้วย เช่น การห้ามจำหน่าย เป็นต้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|