|
พานาโซนิคชูไทยฐานผลิตเอเชียหวังลดต้นทุนทำราคาสู้ศึกคู่แข่ง
ผู้จัดการรายวัน(10 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
พานาโซนิคตั้งไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตในเอเชีย หวังลดต้นทุนสู้ศึกตลาด เครื่องใช้ไฟฟ้าในเอเชีย เผยในระยะ 2-3 ปีเตรียมขนเงินมาลงทุนในไทยเพิ่ม เริ่มต้นที่ 200 ล้านบาทในโรงงานในอะโกรว์ อินดัสเตรียลเป็นโปรเจกต์แรกเดือนกันยายนนี้ เผยครึ่งปีแรกปี 48 ยอดขายทะลุเป้า หมวดเอวีนำโด่ง 2.3 พันกว่าล้านบาท ตามด้วยหมวด HA อีก 1.5 พันกว่าล้านบาท เผยกลยุทธ์ตลาดครึ่งปีหลังหวังกระตุ้นให้มียอดขายรวมทั้งปีเมื่อถึงสิ้นปี 48 มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องถึงสิ้นปีหน้าที่มีการตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท คาดส่วนแบ่งตลาดมากสุดในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย
นายไดโซ อิโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พานาโซนิคกรุ๊ปในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมขยายฐานการผลิตในประเทศไทยเพิ่มในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าพานาโซนิคทุกหมวด เพื่อลดต้นทุนการผลิตลงให้สามารถกำหนดราคาสินค้าได้เหมาะสมกับท้องตลาดทั่วเอเชียรวมทั้งญี่ปุ่นด้วย
ทั้งนี้ ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ บริษัทฯเตรียมใช้งบ 200 ล้านบาทในการเพิ่ม กำลังผลิตสำหรับโรงงาน 2 แห่งที่ตั้งอยู่ในอะโกรว์ อินดัสเตรียล โดยจะมีการควบรวมกิจการกัน และเพิ่มจำนวนว่าจ้างแรงงานด้วย
ซีอีโอของพานาโซนิคกรุ๊ปในประเทศไทยยอมรับว่า ระดับราคาสินค้าพานาโซนิคโดยเฉลี่ยมีราคาสูง เช่น พลาสมา ทีวี เนื่อง จากมีต้นทุนการผลิตสูง ซึ่งสินค้าไฮเอนด์ ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น บริษัทฯมีแผนที่จะขยายการลงทุนผลิตสินค้า ทุกระดับขึ้นในไทยเพื่อลดต้นทุนการผลิตลง โดยมองว่าเป็นจังหวะที่สอดคล้องกับนโยบาย ของรัฐบาลในยุคนี้ที่สนับสนุนเอฟทีเอพอดี
สำหรับผลประกอบการ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 48 บริษัทฯสามารถทำยอดขายได้ เกินกว่าเป้าที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นปีโดยมียอด ขายในหมวดสินค้าภาพและเสียงหรือเอวีรวมถ่านไฟฉาย 2.3 พันล้านบาท ส่วนยอดขายสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านหรือเอชเอมีมูลค่า 1.5 พันล้านบาท โดย มีการตั้งเป้ายอดขายรวมสำหรับปีนี้ว่าจะมีมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายจากการส่งออกในตลาดเอเชีย 50% และยอดขาย จากการขายภายในประเทศอีก 50% นอกจาก นั้น ยังตั้งเป้าที่จะทำยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีหน้า 7.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย
ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าในหมวดเอวีนั้น มีการ ตั้งเป้ายอดขายในปี 48 ถึง 9.5 พันล้านบาท เติบโต 112% จากปี 47 ซึ่งมีมูลค่า 8.5 พันล้านบาท โดยทีวีสี ซึ่งมีดีมานด์ตลาดรวม 2.2 ล้านเครื่องในปี 48 ตั้งเป้าว่าพานาโซนิคจะมีส่วนแบ่งตลาด 18% ขณะที่พลาสมา ทีวี มีดีมานด์ตลาดรวม 1.3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ตั้งเป้ามีมาร์เกตแชร์ 40% ส่วนกล้องดิจิตอลมีดีมานด์ตลาดรวมในปีนี้ 9.3 หมื่นเครื่อง ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 25% สินค้ายี่ห้อ LUMIX มีดีมานด์รวม 7 แสนเครื่องในปีนี้ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 10% โทรศัพท์ไร้สาย มีดีมานด์รวม 6.1 แสนเครื่อง ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ไว้ 24% ส่วน LCD Projector มีดีมานด์รวม 2 หมื่นเครื่องในปีนี้ ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 27% ส่วนถ่านไฟฉายที่มีดีมานด์รวมทั้งตลาดในปีนี้ 414 ล้านก้อน ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 75%
ทางด้านของสินค้าหมวดเอชเอนั้น ตั้งเป้า ยอดขายในปี 48 ไว้ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 5 พันล้านบาท 114% โดยแอร์มีดีมานด์ตลาดรวม 5.7 แสนเครื่องในปีนี้ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 20% ต่างจากปี 47 ที่ตั้งเป้าแค่ 16% ส่วนตู้เย็น มีดีมานด์ตลาดรวม 1.2 ล้านบาท ตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ 20% เครื่องซักผ้ามีดีมานด์รวม 8.5 แสนเครื่อง ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาด 15% ขณะที่ไฮไลต์ของพานาโซนิคปีนี้ได้แก่เครื่องทำน้ำอุ่น มีดีมานด์รวมทั้งตลาดในประเทศ 2.6 แสนเครื่อง ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดไว้ที่ 55%
สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในประเทศนั้น คาดว่าไม่น่าจะกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯได้ใช้กลยุทธ์ ออกสินค้าใหม่มากระตุ้นตลาด ได้แก่ พลาสมา ทีวี, เครื่องทำน้ำอุ่น และแฟกซ์ นอกจากนั้นยังทุ่มงบ 50 ล้านบาททำแคมเปญ Better Lifestyle Rewards ออกมา หวังสร้างภาพลักษณ์ให้สินค้าพานาโซนิคสามารถ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบ คลุมทุกกลุ่ม ได้แก่ Beat แทนกลุ่มรักการดูหนังฟังเพลง Buzz แทนกลุ่มอินเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ Bite แทนกลุ่มที่มีรสนิยมด้าน อาหารการกิน และกลุ่ม Beauty แทนกลุ่มความสุขภาพและความงาม โดยมีการสื่อสาร แคมเปญผ่านการจัดรายการชิงโชค ซื้อ 1 พัน ลุ้น 1 ล้านบาท ระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคมปีนี้ โดยตั้งรางวัลมูลค่ารวม 11 ล้านบาท
นอกจากนั้นยังมีการทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมตลาดร่วมกับดีลเลอร์กว่า 1,000 รายของพานาโซนิค ตามความเหมาะสม ของสภาพตลาดในแต่ละพื้นที่ด้วย เนื่องจาก ลูกค้าแต่ละภาคจะมีความต้องการไม่เหมือนกัน
สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยุคนี้ที่สินค้า ที่จำหน่ายในดิสเคานต์สโตร์เฟื่องฟู โดยในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้มีการตัดราคาขายแข่งกันผ่านดิสเคานต์สโตร์จำนวนมาก ส่งผลให้พานาโซนิคมีแนวโน้มที่จะลดการสนับสนุนการขายผ่านดิสเคานตสโตร์ลง เนื่องจากยังคง ยึดนโยบายเดิมเหมือนโซนี่ ที่เน้นชูจุดขายด้าน คุณภาพสินค้าเป็นหลัก โดยปัจจุบันพานาโซนิคมีการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดในสัดส่วน 50% ส่วนอีก 50% เป็นการขายผ่านดีลเลอร์ทั่วประเทศ
นอกจากนั้น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนแดงและเกาหลีที่เข้ามาตีตลาดแข่งในเมืองไทยนั้น ไม่น่าจะกระทบยอดขายแต่อย่าง ใด เนื่องจากระดับราคาขายในตลาดเปรียบเทียบแล้วค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|