|
บอดี้เชพเปิดงบรุกจัดบีโลว์ เดอะ ไลน์ทุ่ม15ล.จัดแคมเปญเจาะคุณแม่เพิ่มยอด
ผู้จัดการรายวัน(9 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
บอดี้เชพปรับกลยุทธ์ใหม่รับศึกธุรกิจลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วน ลดงบตลาดลงหันไปรุกกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเซกเมน- เตชันได้ลึกขึ้น ล่าสุดเทงบ 15 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่แห่งปี "มิสซิสบอดี้เชพ" หวังเจาะตลาดคุณแม่ที่มีลูก คาดช่วยกระตุ้น ยอดขายโต 40% พร้อมเตรียมเจรจาส่งเข้าประกวดมิสซิสเวิลด์ปีหน้าด้วย แย้มแผน โกอินเตอร์เล็งเข้าตะวันออกกลางและจีน หลังพบว่าคนมีกำลังซื้อดีและกล้าเสียเงิน เพื่อความสวย
นางปราณี สืบวงศ์ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด เปิด เผยว่า ตลาดการแข่งขันของสถาบันลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนในปัจจุบันได้เปลี่ยน แปลงไปจากเดิมที่เน้นตัวพรีเซ็นเตอร์เป็นหลัก แต่จะเน้นแข่งกันที่การจัดอีเวนต์หรือกิจกรรม บีโลว์ เดอะ ไลน์มากขึ้น ล่าสุดบอดี้เชพจึง ทุ่มงบกว่า 15 ล้านบาทจัดงานประกวด "มิสซิส บอดี้เชพ" ซึ่งถือเป็นแคมเปญใหญ่แห่งปี เพื่อ เจาะกลุ่มผู้หญิงหรือคุณแม่ที่มีลูกแล้ว เนื่อง จากลูกค้ากลุ่มนี้มีจำนวนมากและผู้หญิงที่มีบุตร หันมาสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนร่วมมือกับทางมิสซิสเวิลด์ใน การส่งมิสซิสบอดี้เชพเข้าประกวดในปีหน้าอีกด้วย
"เราเป็นผู้นำตลาดในการจัดกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์มาตลอดอย่าง แคมเปญการสงครามพิชิตความอ้วน, โครงการเฟรชชี่.. พริตตี้.. สลิมมิ่ง สำหรับกลุ่มนักศึกษา และล่าสุดแคมเปญมิสซิสบอดี้เชพ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ การตลาดแบบเซกเมนเตชันที่ทำแล้วประสบ ความสำเร็จ โดยคาดว่าแคมเปญตัวใหม่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดรายได้สิ้นปี ให้เพิ่มขึ้น 40%"
สำหรับงบทางการตลาดของบอดี้เชพเดิม ตั้งไว้ที่ 60 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทฯได้ปรับแผน ลดงบเหลือ 50 ล้านบาท เนื่องจากหันมาเน้นทางด้านการจัดบีโลว์ เดอะ ไลน์มากกว่าการใช้สื่ออะโบฟ เดอะ ไลน์ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาก ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนลูกค้า ของบอดี้เชพ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม ผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วหรือมีบุตร 67% สาวทำงานที่เป็นโสด 20% กลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา 10% และผู้ชาย 3%
นางปราณี กล่าวด้วยว่า แผนการดำเนิน ธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของบอดี้เชพในส่วน ของบอดี้เชพเตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 3 แห่ง คือ ที่สยามพารากอน ในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้งบ 80 ล้านบาท ส่วนที่สุขุมวิท 35 และ แฟชั่นไอส์แลนด์ งบลงทุนแห่งละ 7-8 ล้านบาท ส่วนคริตส์ตี้ ฟรองส์ขณะนี้มีทั้งหมด 7 สาขา บริษัทฯเตรียมเปิดเพิ่มภายในสิ้นปีนี้อีกให้ครบ 15 สาขา ล่าสุดเตรียมเปิดที่นครสวรรค์และย่านรังสิต ด้านธุรกิจสปาภายใต้แบรนด์ปราณลี สปา บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 1 แห่งที่สยามพารากอน ภายใต้งบลงทุนเกือบ 100 ล้านบาท
"ด้านการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในช่องทางแมสและในโมเดิร์นเทรด ล่าสุดขณะนี้ผลิตภัณฑ์ สลิมมิ่งเจลของแบรนด์คริตส์ตี้ ฟรองซ์ได้เข้า ไปวางขายในวัตสันแล้ว ในระดับราคา 590 บาท และยังมีวางขายในแคตตาล็อกของเซเว่น อีเลฟเว่นอีกด้วย รวมถึงบริษัทฯเตรียมผลิต สินค้าภายใต้แบรนด์บอดี้เชพ ในราคาขายเฉลี่ย 1 พันบาทขึ้นไปในช่องทางแมสมากขึ้น"
นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทฯยังมีแผนทำตลาดที่ต่างประเทศ ในรูปแบบการร่วมลงทุนกับประเทศนั้นๆหรือการทำแฟรนไชส์ โดย จะใช้ 2 แบรนด์ คือ บอดี้เชพและคริตส์ตี้ ฟองซ์ ซึ่งประเทศที่สนใจจะไป ได้แก่ ประเทศในแถบตะวันออกกลางและจีน เนื่องจากมองว่ามีกำลังซื้อดีและผู้หญิงในจีนก็ให้ความสนใจในเรื่องความงามเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการร่วม กับทางกรมส่งเสริมการส่งออกในการออกงาน โรดโชว์และจัดนิทรรศการ เป็นต้น
สำหรับตลาดลดและกระชับสัดส่วนในไทยมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 35% จากปีที่แล้ว โดยบอดี้เชพมีส่วนแบ่งตลาด 39% รองลงมาเป็นมารีฟรานซ์ 35% และฟิลิป เวน 11%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|