|
"ยามาฮ่า" ทุ่มงบ 1,500 ล.รุกแผนตลาด-เพิ่มผลิต
ผู้จัดการรายวัน(8 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ค่าย "ยามาฮ่า" เผยกลยุทธ์ 3 ปี ทุ่มงบ 1,500 ล้านบาท รองรับแผนรุกตลาดต่อเนื่อง และเพิ่มกำลังการผลิตในไทย ดันยอดขาย 600,000 คัน ขยับส่วนแบ่งตลาดขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบันมีอยู่ 15% ขยายเป็น 30% มั่นใจรักษาตำแหน่งผู้นำจยย.เกียร์ออโตเมติก แม้คู่แข่งจะผลิตออกมาสู้ก็ตาม
นายทาคาชิ คาจิคาวา ประธานบริษัทและผู้อำนวยการ บริษัท ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด กล่าวเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า บริษัทฯ มีจุดมุ่งหมายพัฒนาและก้าวไปสู่เครือข่ายองค์กรระดับสากล รวมถึงการรักษามาตรฐานในการผลิตและปรับตัวในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และพยายามให้อัตราส่วนของผู้ใช้รถจักรยานยนต์เพิ่มเป็น 3.5 คน ต่อ 1 คัน และมีแผนออกรถรุ่นใหม่ๆ ทุกปี
นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ยามาฮ่าประเทศไทย มีแผนการลงทุนในไทยเพิ่มอีก 1,500 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2550 โดยแบ่งการลงทุนเป็นในส่วนของงบการตลาด 500 ล้านบาท และที่เหลือเป็นงบในการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนโรงงาน ซึ่งยามาฮ่าหวังว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบัน 15% ซึ่งมียอดขายเป็นอันดับสองรองจากฮอนด้า
"ในปีนี้รถจักรยานยนต์ที่เราผลิตนั้น แบ่งเป็นขายในประเทศ 30% และส่งออกอีก 70% ไปยังประเทศจีน และฟิลิปปินส์ นอก จากนี้ก็มีส่งออกชิ้นส่วนด้วย สำหรับปีนี้ทางยามาฮ่าตั้งเป้าสิ้นปีไว้ 400,000 คัน เพราะภายในครึ่งปีที่ผ่านมานั้น เราสามารถขายได้กว่า 280,000 คันแล้ว และเชื่อว่าความต้องการของตลาดในส่วนรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกที่ยามาฮ่าเป็นผู้นำ ยังมีมากอยู่ถึงแม้ว่าผลวิจัยจะออกมาว่าตลาดอิ่มตัวแล้วก็ตาม"
ในส่วนเรื่องการขึ้นราคาน้ำมันนั้น นายประพันธ์กล่าวว่า อาจจะมีผลกระทบต่อยอดขายบ้างเล็กน้อยเพราะเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นผู้บริโภคก็ซื้อของน้อยลงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่ในส่วนของ ลูกค้ายามาฮ่านั้นกว่า 85% นั้นเป็นลูกค้าต่างจังหวัด และ 70% ซื้อรถจักรยานยนต์ระบบเงินผ่อนอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีข่าวออกมาว่า ภายในสิ้นปีนี้ทางคู่แข่งจะออกเกียร์ออโตเมติกมาครบทุกยี่ห้อ แต่ทางนายประพันธ์กล่าวมั่นใจว่ายามาฮ่าสู้ได้แน่นอน
"ส่วนหนึ่งในแผนการตลาดที่เราจะเพิ่มยอดขายนั้นก็มาจากรถจักรยานยนต์ที่จะออกรุ่นใหม่ๆ มาอีกหลายรุ่นภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจุดนี้เรามั่นใจว่าระบบเกียร์ออโตเมติกของยามาฮ่านั้นสามารถสู้กับแบรนด์อื่นๆ ได้แน่นอน เพราะเรามีการพัฒนาและวิจัยในการออกแบบรถทุกรุ่นให้มีความต้องการที่ตรงใจผู้บริโภคให้มากที่สุด"
ปัจจุบันนี้สัดส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกมีถึง 8% ของตลาดรวม และยามาฮ่ามีส่วนแบ่งตลาดถึง 95% โดย ก่อนหน้านี้ทางยามาฮ่าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ รุ่นเกียร์ออโตเมติกไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ซึ่งได้รับความนิยมและสามารถดึงยอดขายเพิ่มขึ้นมาได้จากคู่แข่ง และมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่าง "Switch Campaign"
โดยหลังจากนี้ทางยามาฮ่าจะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์ในกลุ่มผู้ใช้ ซึ่งจากผลวิจัยนั้นลูกค้าส่วนมากมีอายุเฉลี่ยอยู่ต่ำกว่า 24 ปี ให้มีความเชื่อมั่นในแบรนด์และซื้อรถคันที่สอง นอกจากนี้ ยามาฮ่าก็วางแผนให้ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเปลี่ยนแปลงรูปแบบโชว์รูมให้เป็นแบบเดียวกันหมดภายใต้ชื่อ ยามาฮ่า สแควร์ ซึ่งเป็นชอปสำหรับโชว์และจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ในรูปแบบต่างๆ เน้นขายในเรื่องของรูปลักษณ์ รวมถึงแอ็กเซสซอรี่ต่างๆ ให้ครบ 100 สาขาภายในสิ้นปีนี้
สำหรับยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานั้น มียอดรวม 1,037,635 คัน แบ่งเป็น ฮอนด้า 125,997 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนแบ่งการตลาด 69% ยามาฮ่า 27,320 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 15% ซูซูกิ 18,088 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 10% ไทเกอร์ 6,608 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 4% คาวาซากิ 2,806 คัน อัตราส่วนแบ่งการตลาด 2% เจอาร์ดี 856 คัน และอื่นๆ 765 คัน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|