บลจ.เปิดศึกแย่งฐานลูกค้าเงินฝากลุยเปิดตัวกองทุนพันธบัตรรัฐบาล


ผู้จัดการรายวัน(8 สิงหาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ยุคเงินเฟ้อพุ่ง-ดอกเบี้ยฝากติดลบ บลจ.สบช่องแย่งฐานลูกค้าเงินฝากแบงก์ ด้วยการเปิดตัวกองทุนพันธบัตระยะสั้น 6 เดือน และ 1 ปี ยั่วน้ำลายลูกค้าที่ต้องการพักเงิน เพื่อรอจังหวะลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงิน "ไอเอ็นจี-บีที-เอ็มเอฟซี" เปิดตัวกองทุนพันธบัตร ท้าชนภายในกลางเดือนนี้ คาดผลตอบแทน 2.5-2.8% ต่อปี

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ บลจ.ไอเอ็นจี มีแผนที่จะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือนทุกเดือน เดือนละ 1 กองทุน โดยเริ่มต้นจากกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยพันธบัตรระยะสั้น 1 มูลค่า 2,000 ล้านบาท อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทน 2.5-2.6% ที่กำลังเปิดขายระหว่างวันที่ 1-10 สิงหาคมอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ ในการออกตราสารหนี้เสนอขายให้ผู้ลงทุน จะต้องให้ผลตอบแทนที่ชนะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งการที่ไอเอ็นจีสนใจออกตราสารหนี้ระยะสั้นในขณะนี้ เนื่องจากเป็นจังหวะที่ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือนค่อนข้างดีมาก โดยปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3% จาก 2.5-2.6% ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวเป็นผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายของกองทุนออกไปแล้ว

นอกจากนี้ ความต้องการของผู้ลงทุนในตราสารหนี้อายุสั้นๆ มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่โยกเงินลงทุนจากตราสารเอกชน ระยะสั้น โดยเฉพาะจากตั๋วเงินระยะสั้น (บี/อี) ที่เกิดปัญหากรณีการผิดนัดชำระตั๋วเงินดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้มีเงินโยกเข้ามาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น

นายจุมพล กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บลจ.ไอเอ็นจีจะเน้นออกตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตั๋วบี/อี เป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอ็มเอ็ม 1, เอ็มเอ็ม 2, เอ็มเอ็ม 3 และเอ็มเอ็ม 4 แต่หลังจากมีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าโยกเงินเข้ามาลงทุนในตราสารที่ไม่มีความเสี่ยงดังกล่าว

"การที่เราให้ความสำคัญกับการเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ในช่วงนี้ เนื่องจากเราเห็นว่าเป็นจังหวะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นอยู่ในช่วงที่ดี โดยปรับขึ้นมาถึงกว่า 3% แล้ว นอกจากนี้ ดีมานด์ของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมามีการ เคลื่อนเงินจากตั๋วเงินเอกชนมาลงทุนในตราสารภาครัฐมากขึ้น เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้" นายจุมพลกล่าว

นายจุมพล กล่าวต่อว่า กองทุนตราสารหนี้ที่จะเปิดขายหน่วยลงทุนทุกเดือนนั้น จะเป็นกองทุนที่มีลักษณะเดียวกันกับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย พันธบัตรระยะสั้น 1 ที่กำลังเปิดขายอยู่ในขณะนี้ โดยจะเป็นกองทุนต่อเนื่องจากกองทุนดังกล่าว นั่นคือกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย พันธบัตรระยะสั้น 2, 3 หรือ 4 ต่อไป โดยแต่ละกองทุนจะมีอายุ 6 เดือน และมูลค่ากองทุนละ 2,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในการเปิดขายกองทุนตราสารหนี้กองต่อๆ ไป บริษัทจะให้ความสำคัญกับอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต และเชื่อว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะให้ผลตอบแทนกลับมาแก่ผู้ลงทุนได้ในอัตรา 3-3.2% ในช่วงสิ้นปี

ด้านนายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ. เอ็มเอฟซี จะเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเอ็มเอฟซีพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น (M-TB) มูลค่า 500 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี 12 วัน เปิดขายครั้งเดียวในวันที่ 8-15 สิงหาคมนี้ โดยวัตถุประสงค์ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนพันธบัตรคุ้ม ครองเงินต้นในช่วงนี้ เพื่อต้องการส่งเสริมให้เกิดการออมระยะสั้นในกลุ่มประชาชนและนิติบุคคลทั่วไป รวมทั้งเป็นการพัฒนาตลาดตราสารการเงินภายในประเทศอีกทางหนึ่ง

ขณะที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดจองหน่วย ลงทุนกองทุนรวมไทยธรรมคุ้มครองเงินต้น 2 (กองทุนอิ่มบุญ 2 ) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคมนี้ โดยเป็น กองทุนปิดที่คุ้มครองเงินต้น 100% มีอายุเพียง 12 เดือนและคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 2.8% ต่อปี ซึ่งนอกจากผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบ แทนที่สูงกว่าการฝากเงิน ผู้ลงทุนยังได้รับใบอนุโมทนาบัตรเพื่อไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า จากการบริจาคเงินทำบุญให้กับองค์กรการกุศลด้านการศึกษา

"กองทุนรวมไทยธรรมคุ้มครองเงินต้น 2 นี้แตกต่างจากกองทุนไทยธรรมคุ้มครองเงินต้น 1 ตรงที่ผลตอบแทนจะมากกว่า เพราะเป็นการลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจังหวะการลงทุนตราสารหนี้ที่มีอายุ 1 ปี ในช่วงเวลานี้ ถือเป็นจังหวะการลงทุนที่เหมาะที่สุด เพราะหากกองทุนมีอายุน้อยกว่าก็จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารประเภทเดียวกันน้อยกว่า แต่หากกองทุนมีอายุมากกว่า 1 ปี ก็จะทำให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสการลงทุนในอนาคตซึ่งอัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่สำคัญที่สุด ผู้ลงทุนยังได้ร่วมทำบุญกับบริษัท"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.