เปิดพอร์ตครึ่งปีแรกบลจ.บัวหลวงเจ้าของสองรางวัล "SET Awards"


ผู้จัดการรายวัน(5 สิงหาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เปิดพอร์ตผลการดำเนินงาน ครึ่งปีแรกบลจ.บัวหลวง เจ้าของ 2 รางวัล SET Awards 2005 เผยกองทุนหุ้น 8 ใน 9 ภายใต้การบริหารผลตอบแทนหรูกว่าดัชนีตลาด "วรวรรณ" เผยกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลังยังยึดแนวอนุรักษนิยม เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทในครึ่งปีแรก (ระหว่าง 30 ธันวาคม 2547-24 มิถุนายน 2548) บลจ.บัวหลวงสามารถบริหารกองทุนหุ้น 8 ใน 9 กองที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ส่วนอีกกองทุนหนึ่งบริหารได้ต่ำกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินและโทรคมนาคมเท่านั้น และในช่วงครึ่งปีแรกนี้ราคาปิดตามราคาตลาดของหุ้นในกลุ่มนี้ ณ วันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันศุกร์สุดท้ายของครึ่งปีแรกมีราคาต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปีก่อน แต่กองทุนอื่นๆ อีก 8 กองทุน มีการลงทุนที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะ 2 กลุ่มอุตสาหกรรมนี้ จึงไม่ได้รับผลกระทบ

สำหรับบัวหลวงทศพล ในครึ่งปีแรกให้อัตราผลตอบแทน 6.73% บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน 6.18% บัวหลวงร่วมทุน 5.33% บัวหลวง ตราสารทุน RMF 4.91% บัวแก้วปันผล 4.46% ทรัพย์บัวหลวง 4.40% บัวแก้ว 4.38% บัวแก้ว 2 ให้ผลตอบแทน 4.32% และบัวหลวงธนคม -4.88% ขณะที่การเติบโตของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเดียวกันอยู่ที่ 3.32%

"กลยุทธ์การบริหารกองทุนในครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงยึดแนวนโยบายอนุรักษ์นิยม โดยเลือกเฉพาะหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความ มั่นคงแข็งแรง เป็นผู้นำในธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ และระมัดระวังผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ" นางวรวรรณกล่าว

ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ นโยบายการลงทุนของบริษัทจะเน้นที่ความมั่นคงปลอดภัยของตราสารที่ลงทุนมากกว่าผลตอบแทนสูงๆ ที่คาดหวังแต่ต้องรับความเสี่ยงที่มีมากเกินไป

นางวรวรรณกล่าวถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทได้รับรางวัล SET Awards 2005 ถึง 2 รางวัลสำหรับการบริหารกองทุนหุ้น และกองทุนผสมแบบยืดหยุ่น ประจำปี 2547 จนได้ผลตอบแทนดีที่สุดเมื่อเทียบกับความเสี่ยงว่า บริษัทเชื่อว่าการที่เรามีวินัยในการลงทุน มีประสบการณ์ และมีความอดทนต่อภาวะตลาดเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ

"เราเลือกสิ่งที่ลงทุนแล้วเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อกองทุน และที่สำคัญก็คือ เราโชคดีที่ตลาดก็เป็นใจด้วย กล่าวคือ หุ้นที่เราลงทุนนอกจากจะมีผลการดำเนินงานดีแล้วยังมีผู้ลงทุนอื่นๆนิยมลงทุนด้วยในปีก่อนทำให้ราคาตลาดสูงขึ้น ส่งผลให้ NAV ต่อหน่วยของกองทุนสูงขึ้นตามไปด้วย" นางวรวรรณกล่าว

สำหรับกองทุนผสมนั้นนอกจากจะเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี และราคาตลาดก็เป็นใจด้วยแล้ว เราเชื่อว่า การจัดสรรน้ำหนักของหุ้น และตราสารหนี้ในพอร์ตกองทุนของเราก็มีความเหมาะสมกับจังหวะ ตลาดและนโยบายของแต่ละกองทุนด้วย

นางวรวรรณกล่าวว่า หลักการบริหารกองทุนของบลจ.บัวหลวง เป้าหมายหลักคือ การสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ดีในระยะยาว แม้ตลาดหุ้นในบางปีดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือบางปีปรับตัวลดลง แต่กองทุนหุ้นควรให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ต่อปีในระยะยาวที่ดีกว่าการฝากเงินและการลงทุนในตราสารหนี้

"เราบริหารกองทุนหุ้นเพื่อเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของผู้ลงทุนมากกว่าการแสวงหาประโยชน์ระยะสั้น กองทุนที่เราบริหารจะเน้นไปที่การคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนให้เป็นหุ้นที่ดีมีศักยภาพมากกว่าจะเน้นให้ได้รางวัลเป็นรายปี เพราะนั่นจึงจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายในระยะยาวได้" นางวรวรรณกล่าว

สำหรับหลักเกณฑ์ในการเลือกหลักทรัพย์ที่ลงทุนจะต้องเป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต เพื่อผลตอบ แทนที่ดีไม่ว่าในรูปของกำไรจากการขายหลักทรัพย์ หรือปันผลที่กองทุนจะได้รับ กล่าวคือมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เป็นผู้ที่จะชนะในธุรกิจนั้นๆ และเป็นหุ้นที่เรารู้จักสามารถวิเคราะห์และ ติดตามผลได้ และเป็น Value Stocks ในจังหวะที่ลงทุน ส่วนตราสารหนี้ที่ลงทุนจะให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัย หรือ Credit Risk มากกว่าผลตอบแทนสูงๆที่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย

กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง กล่าวอีกว่า หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนหุ้น บริษัทให้ความสำคัญกับมุมมองเศรษฐกิจ และการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และหุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นพื้นฐานดี มีสภาพคล่อง และที่สำคัญให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสัดส่วนสูง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.