|
อาหารแช่แข็งระอุรับภัยเศรษฐกิจ ค่ายยักษ์เคลื่อนทัพ-ลงทุนเพิ่มผลิตชิงกำลังซื้อ
ผู้จัดการรายวัน(2 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
3 ยักษ์ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งพร้อมทานเชื่อตลาดยังโตสวนทางภาวะเศรษฐกิจ พีเอฟพีชี้ยุคน้ำมันแพงพฤติกรรมคนจะ เปลี่ยนหันมาทานอาหารกล่องมากขึ้น เอสแอนด์พี คาดตลาดโตสูงถึง 30% สุรพลฟู้ดส์เผยผู้บริโภค ชะลอการซื้อขายลง เตรียมส่งเมนูใหม่ 15 รายการ สู้ศึกครึ่งปีหลัง เผยกระแสอีซี่ มิลดีเกินคาด สั่งลงทุนเพิ่ม 30 ล้านบาทขยายกำลังผลิต
สภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพงส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบหลายอย่างขึ้นราคา รวมถึงทำให้ไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมของ ผู้บริโภคต้องเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะเศรษฐกิจ โดยบางรายต้องทำงานหนักขึ้นหรือมีเวลาที่จำกัดมากขึ้น อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ของผู้บริโภคที่มีความจำเป็นในเรื่องเวลาที่เร่งด่วน หันมาบริโภคกันมากขึ้น เพราะมีความสะดวก ราคา ไม่แพง และมีให้เลือกหลายเมนู
ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งพร้อมรับประทาน เป็นตลาดอาหารที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากในตลาดมีผู้ประกอบการหัน มา เล่นในตลาดอยู่หลายราย ทั้งรายเดิมอย่าง อีซี่โก ของบริษัทซี.พี., เอสแอนด์พี และอีซี่ มิล ของ สุรพล ฟู้ดส์ที่หันมารุกตลาดในประเทศมากขึ้น ขณะที่รายใหม่มีข้าวกล่องทัพพี ของพีเอฟพี หรือ แม้แต่พรานทะเลที่หันมาทำอาหารทะเลสำเร็จรูปแช่แข็งพร้อมทานด้วยการส่งเมนูอาหารหลากหลายทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน และเตรียมออกเมนูอาหารเย็นในช่วงสิ้นปีนี้ เป็นต้น
ปัจจุบันผู้นำตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งพร้อมทานยังคงเป็นอีซี่โก ของซี.พี. ที่ได้เปรียบใน แง่ช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่วางขายผ่านเครือข่าย ในเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ ส่วนเอสแอนด์พี เป็นผู้นำในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์มีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันเกินกว่า 50% ของมูลค่าตลาดรวมกว่า 2,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 10-15% พีเอฟพีเชื่อตลาดรวมแข่งขันสนุก
นายพริษฐ์ อนุกูลธนาการ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด (PFP) ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปพร้อมปรุง ที่ทำจากเนื้อปลาบดแช่แข็งหรือซูริมิ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ภาพรวมการแข่งขันของตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งยังคงดุเดือดมากขึ้น เห็นได้จากการที่ค่ายใหญ่อย่างพรานทะเลออกเมนู อาหารกลางวัน ซึ่งเป็นการกระตุ้นตลาดในแง่การบริโภคอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง หรือการที่สุรพล ฟู้ดส์หันมารุกทำตลาดอีซี่ มิลมากขึ้น
ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น มองว่าจะส่งผลให้คนทำงานหนักขึ้น และมีเวลาน้อยลง ดังนั้น อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น และคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะโตมากกว่า 20% เป็นคำกล่าวของนายพริษฐ์
ในส่วนของพีเอฟพีก็สนใจตลาดดังกล่าว ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานภายใต้ แบรนด์ "ข้าวกล่องทัพพี" เบื้องต้นเปิดตัว 4 เมนูในราคา 40 บาท แต่ทั้งปีคาดว่าจะออกเมนูให้ครบ 12 เมนู โดยจุดเด่นของข้าวกล่องทัพพีอยู่ที่แพกเกจจิ้ง, กับข้าวที่ปรุงจากอาหารแปรรูปจากทะเล และข้าวสลิมเมอร์ ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิเกรดเอผสมธัญพืช
ขณะที่ช่องทางการขายซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะทำให้สินค้านั้นประสบความสำเร็จ พีเอฟพีนอกจากจะส่งสินค้าขายในช่องทางโมเดิร์น เทรดแล้ว ยังหาช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น โครง การร้านค้าปลีกย่อย ที่เน้นการนำตู้แช่แข็งและ ตู้ไมโครเวฟไปวางตามอพาร์ตเมนต์และสำนักงาน ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อนในปีแรกซึ่งขณะนี้วางไปแล้ว 300 จุด คาดว่า ทั้งปีจะวางได้ 1,000 จุด หลังจากนั้นปีหน้าจะหันไปรุกช่องทางต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองหลัก เช่น เชียงใหม่, พัทยา และสงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน บริษัท เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการปีที่แล้วบริษัทฯ มียอดรายได้ 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ต่างประเทศ 70% และในประเทศ 30% ส่วนปีนี้คาดว่า ยอดขายจะโต 20% แต่อาจจะสะดุดบ้างจากเรื่องราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุน ประมงที่ใช้จับปลา รวมทั้งส่งผลต่อการบริโภคของ คนอาจจะมีการใช้จ่ายน้อยลง แต่ช่วงไตรมาส 3 และ 4 คาดการณ์ว่าตลาดจะกลับมาดีขึ้น เอส แอนด์ พีเชื่อตลาดรวมโต 30%
นายสุรัติ เซนย์วิบูลย์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและการขาย บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ภาพรวม ครึ่งปีหลังของอาหารพร้อมทาน หรือข้าวกล่องยังเจริญเติบโตต่อไป เพราะอาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน แม้ว่าปัจจุบัน สภาพเศรษฐกิจจะเป็นแบบนี้ เชื่อว่าคนจะเดินทางออกนอกบ้านน้อยลง และจะหันมาทานอาหารแบบนี้มากขึ้น
"ตลาดอาหารกล่องโตเร็วและคาดว่า จะโตไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนหนึ่งที่ตลาดโตอยู่ที่ การกระจายสินค้าตามคอนวีเนียนสโตร์ และการที่ทุกคนช่วยสร้างตลาดทำให้อาหาร กล่องเป็นที่ยอมรับในตลาดมากขึ้น ซึ่งเมื่อ ก่อนคนจะมองว่าอาหารกล่องเป็นอาหารที่ไม่มีคุณภาพ" นายสุรัติกล่าว
ปัจจุบันอาหารแช่แข็งพร้อมทานของ เอส แอนด์ พีเป็นผู้นำในช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยมีเมนูอาหารให้เลือกกว่า 45 เมนู โดยราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 45 บาท ซึ่งถือว่าแพงกว่าคู่แข่ง เนื่องจากเอส แอนด์ พียึดหลักการในเรื่องความอร่อยและคุณภาพของอาหารเป็นหลัก สุรพลฟู้ดส์เผยกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว
นางสาวหญิง ว่องวัฒนโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดภายในประเทศ บริษัท สุรพลฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) มีความเห็นสอดคล้องกับพีเอฟพีที่ว่า ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งในประเทศมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และจากการ ที่มีผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาด ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะเป็นไปตามกระแสเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นนั้นจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อาจจะชะลอตัวลงบ้าง
ในส่วนของสุรพลฟู้ดส์ผู้ผลิตอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปรายใหญ่ของไทย เดิมทีจะเน้นแต่ตลาดส่งออกเป็นหลัก คิดเป็น 80% แต่ปีนี้กลับให้ความ สำคัญกับตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งในประเทศมากขึ้น ด้วยการรีลอนช์อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง "อีซี่ มิล (Easy Meal)" มาทำตลาดอีกครั้ง โดย โฉมใหม่ครั้งนี้ได้มีการปรับราคาเมนูอาหารคาวจาก เดิม 35 บาทเป็นราคา 59 บาท ซึ่งถือว่าแพงกว่าคู่แข่งทั่วไป 10% เนื่องจากสุรพลฟู้ดส์ต้องการวาง ตำแหน่งแบรนด์ให้เป็นระดับพรีเมียม และแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด รวมถึงยังได้ส่งเมนูอาหาร สำเร็จแช่แข็งในกลุ่มขนมหวาน 6 เมนูในราคา 15 บาท เตรียมส่ง 15 เมนูสู้ศึกครึ่งปีหลัง
นางสาวหญิง กล่าวด้วยว่า กระแสตอบรับอีซี่ มิลดีมาก ทำให้บริษัทฯต้องขยายกำลังผลิตจากเดิม 3-5 หมื่นถ้วยต่อวันเป็น 8 หมื่นถ้วยต่อวัน โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทในการขยายกำลังผลิตอีซี่ มิลจากเดิมที่ผลิตที่โรงงานเทพารักษ์ ย้ายมาเป็นที่กบินทร์บุรี ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ สุรพลฟู้ดส์เตรียมออกเมนูใหม่ทั้งติ่มซำ, อาหารแช่แข็ง และอีซี่ มิลรวมกว่า 15 เมนู
"อีซี่ มิลจะเน้นลูกค้าระดับไฮเอนด์หรือกลุ่ม นิชมาร์เกตที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ประมาณ 35,000 บาทต่อเดือน โดยกลุ่มลูกค้าของเราจะมีรอยัลตี้สูง เห็นความสำคัญของคุณภาพและคุณค่าของอาหาร มากกว่าราคา ขณะที่รายอื่นจะเน้นทำตลาดระดับ กลางและล่าง"
สำหรับมูลค่าตลาดรวมของอาหารแช่แข็งมีประมาณ 6,000 ล้านบาทและมีอัตราการโต 40% โดยสุรพลฟู้ดสมีแชร์ 17% ปีนี้คาดว่าตลาดรวมอาจจะมีการเติบโตลดน้อยลงอยู่ที่ประมาณ 10-15% ส่วนตลาดอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งพร้อมทานที่มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท สุรพลฟู้ดส์มีส่วนแบ่งทางตลาด 14%
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าช่วงเวลาหลัง 21.00 น. ถึง 02.00 น. เป็นช่วงที่อัตราการซื้ออาหารแช่แข็งพร้อมทานสูงสุด เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีทางเลือก ขณะที่เวลากลางวันคนจะมีทางเลือกในการบริโภค อาหารมากจึงไม่นิยมทานอาหารกล่องในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนช่องทางการขายที่ผู้บริโภคนิยมไปซื้อ คือ ร้านเซเวนอีเลฟเว่น รองลงมา คือ โมเดิร์นเทรด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|