|
โฮลิสติคฯ ตั้งระบบ "ไฮบริด" บุกขายตรงไทยเปิดตัวแบรนด์ โอโกะ ดึงมือดีแอมเวย์-เอวอนกุมบังเหียน
ผู้จัดการรายวัน(1 สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"โฮลิสติค ไล้ฟ์" ธุรกิจขายตรงพันธุ์ใหม่ของไทยทำตลาดแหวกแนว ดึงผู้คร่ำหวอดในวงการขายตรงทั้งแอมเวย์ เอวอนและยูสตาร์มากุมบังเหียน พร้อมนำระบบไฮบริด มาร์เกตติ้งมาใช้เป็นรายแรกในไทยและเอเชีย ชูจุดต่างธุรกิจทุกคนสามารถเป็นเถ้าแก่ได้ เล็งเข้าช่องทางสถาบันการศึกษากว่า 100 แห่ง หวังเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลักเนื่องจากกำลังซื้อสูง พร้อมลุยตลาดต่างแดนอีก 2 ปี คาดสิ้นปีรายได้แตะ 100 ล้านบาท และจำนวนสมาชิกพุ่ง 1 หมื่นคน
นายวิทยา มานะวาณิชเจริญ ประธานกรรมการ บริษัท โฮลิสติค ไล้ฟ์ จำกัด ผู้ดำเนิน ธุรกิจขายตรงผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ ภายใต้ชื่อ "โอโกะ" เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ศึกษาข้อมูลและพบว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพดีและไปได้ไกล ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เริ่มดำเนินธุรกิจขายตรง โดยระยะเริ่มต้นจะเน้นจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์เป็นหลัก ภายใต้แบรนด ์"โอโกะ" โดยลักษณะการทำตลาดของบริษัทฯ ได้มีการนำระบบขายตรงรูปแบบใหม ่"ไฮบริด มาร์เกตติ้งหรือแบบผสม" ซึ่งเป็นการผสมผสานข้อดีของขายตรงแบบชั้นเดียว (SLM) และธุรกิจขายตรงหลายชั้น (MLM) มาใช้ในธุรกิจขายตรง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในตลาดไทยและเอเชียที่นำระบบนี้มาใช้ รวมถึงยังมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ที่แตกต่างจากรายอื่นๆ ตรงที่เปิดโอกาสให้พนักงาน และสมาชิกขายตรงของบริษัทฯ สามารถเป็นเถ้าแก่หรือเจ้าของธุรกิจเองได้ด้วย ดึงมือดีขายตรงกุมบังเหียน
ด้านนายศุภพงศ์ จันทรวีระกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย (ทั่วประเทศ) บริษัท โฮลิสติค ไล้ฟ์ จำกัด ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจขายตรงหลายแห่ง เช่น แอมเวย์, เอวอน และยูสตาร์ เปิดเผยว่า ความแตกต่างสำหรับขายตรงชั้นเดียวและหลายชั้นอยู่ที่แผนการจ่ายผลตอบแทนและการดำเนินธุรกิจ อาทิ ธุรกิจขายตรงหลายชั้นมีการลงทุน ทำธุรกิจสูงกว่าขายตรงชั้นเดียว และขายตรงหลายชั้น ไม่มีพนักงานหรือแม่ทีมในการทำธุรกิจภาคสนามแต่ขายตรงชั้นเดียวมีพนักงานเป็นแม่ทีมหลัก หรือการที่ธุรกิจขายตรงหลายชั้นเป็นธุรกิจ ที่ให้ความหวังคน ส่วนข้อเสียของขายตรงชั้นเดียว คือ หากแม่ทีมลาออกจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ต้องตกเป็นของบริษัท เป็นต้น
"ธุรกิจเราแตกต่างจากรายอื่น อาทิ ระบบของเราสร้างคนให้เป็นเถ้าแก่และให้มีส่วนร่วมในธุรกิจ, การที่เป็นเน็ตเวิร์กเป็นระบบผสม, มีสินค้า ที่แตกต่างจากตลาด และบริษัทฯมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับที่แข็งแรง เช่น ระบบไอที และลอจิสติกส์"
ปัจจุบันบริษัทฯ มีเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจหรือแม่ทีม (BDE) ที่มีหน้าที่หาสมาชิกและได้รับเงินเดือนในฐานะพนักงานบริษัทอยู่จำนวน 8 คน คาดว่าสิ้นปีเพิ่มเป็น 12 คน ส่วนจำนวนสมาชิก มี 1,000 คน หลังจากที่เริ่มดำเนินการเป็นเวลา 1 เดือน โดยสิ้นปีนี้คาดว่าสมาชิกจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นคน ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าขณะนี้มีแห่งเดียว คือที่ออฟฟิศของบริษัทฯ และมีแผนขยายศูนย์ฯโอโกะ
รุกเจาะวัยรุ่นผ่านสถาบันศึกษา 100 แห่ง
กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทฯ คือ กลุ่มวัยรุ่นอายุ 13-21 ปี คิดเป็นสัดส่วน 80% เนื่องจากมองว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและใช้เครื่องสำอางบ่อย ซึ่งในตลาดขายตรงยังไม่มี รายใดที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยตรง รวมถึงยังเจาะกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 25 ปีขึ้นไปอีกด้วย คิดเป็นสัดส่วน 20% โดยบริษัทฯมีแผนรุกเจาะกลุ่ม นักศึกษาและนักเรียนโดยเฉพาะผ่านทางช่องทางสถาบันการศึกษากว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ด้วยการทำโครงการ อาทิ บริษัทจำลองธุรกิจ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ทดลองทำธุรกิจจริงๆ หรือทำงานในช่วงพาร์ตไทม์ เป็นต้น ‘ เล็งอีก 2 ปีลุยทำตลาดต่างแดน
นางสาวโสภิดา พิเชฐหิรัญกาญจนา กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โฮลิสติค ไล้ฟ์ จำกัด กล่าวว่า ด้านตลาดต่างประเทศบริษัทฯมีแผนที่จะไปทำตลาดในรูปแบบอื่นๆที่เหมาะสมกับประเทศนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบขายตรงเหมือนในไทย ซึ่งการรุกตลาดต่างประเทศจะต้องศึกษาเรื่องกฎหมายและช่องทางการขายในแต่ละประเทศให้ดีเสียก่อน ตลาดที่บริษัทฯ สนใจ คือ ประเทศย่านเอเชีย เช่น ฮ่องกงอาจจะทำตลาดแบบเน็ตเวิร์ก เป็นต้น ทั้งนี้คาดว่าอีก 2-3 ปีจะรุกตลาดต่างประเทศได้
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์โอโกะมีกว่า 30 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มสกินแคร์, เครื่องสำอาง และมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 5-6 รายการ รวม ทั้งเตรียมนำเข้าอาหารเสริมจากอเมริกาในช่วงปลายปีนี้ และปีหน้าเตรียมนำเข้าแฮร์แคร์จาก ญี่ปุ่น เช่น สีย้อมผม, น้ำยายืดผม ฯลฯ ซึ่งราคาเฉลี่ยของสินค้าโอโกะจะอยู่ที่ 50-950 บาท ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้กว่า 100 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|