"นครหลวงไทย" ปรับกลยุทธ์ลงทุนผวาหุ้นผันผวนหันลุยพันธบัตรรัฐ


ผู้จัดการรายวัน(29 กรกฎาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.นครหลวงไทยฟันธงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยผันผวน หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวจากมรสุมราคาน้ำมัน ความไม่สงบในภาคใต้ ภัยแล้ง และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้ต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในครึ่งปีหลังด้วยการระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้น และโหมโรงออกกองทุนพันธบัตรระยะสั้น เพื่อตอบสนองนักลงทุน

นางสาวอัจฉรา สุทธิศิริกุล รักษาการกรรมการ ผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะยังคงผันผวนไม่แตกต่างจากในครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหารายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงจากคลื่นยักษ์สึนามิ ภัยแล้ง และแนวโน้มดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นในครึ่งปีหลังต้องระมัดระวังมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นต่อผลกำไร (P/E) ตลาดหุ้นไทยยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ยังถือเป็นปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทย และนักลงทุน ส่วนใหญ่ยังรอปัจจัยบวกเข้ามาหนุนในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ของรัฐบาลมูลค่ากว่า 1.7 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า หากสามารถเริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นลงทุนมากขึ้น

" ปัจจัยเสี่ยงการลงทุนในครึ่งปีหลังมีมาก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ต่างประเทศที่การก่อการร้ายในรอบใหม่ เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นในช่วงปลายปี แต่ก็เจอปัญหาว่าอาจเกิดสึนามิรอบใหม่ ซึ่งทำให้แนวโน้มรายได้จากการท่องเที่ยวอาจไม่ตรงตามเป้า" นางสาวอัจฉรากล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของ บริษัทยังคงระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น และหันมาออกกองทุนพันธบัตรระยะสั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และมีความเสี่ยงในระดับต่ำ

สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้ถือว่าดีเกินคาด เนื่องจากบริษัทเพิ่งมีการเปิดตัวในช่วงปลายปี 2547 โดยสิ้นปี 2547 มีพอร์ตกองทุนภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปัจจุบันพอร์ตกองทุนรวมขยับเพิ่มเป็นประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นกองทุนส่วนบุคคลจำนวน 2,000 ล้านบาท

นางสาวอัจฉรา กล่าวว่า ครึ่งปีหลังของปีนี้คาด ว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง ส่งผลให้บริษัทต้อง ปรับกลยุทธ์การลงทุนมามุ่งเน้นการออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้ออกกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 1 มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท ระยะเวลาลงทุน 6 เดือน คาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับ 2.5% โดยเปิดเสนอขายเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2548

รายงานข่าวเปิดเผยว่า หลังปิดขายหน่วยลงทุน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองซื้อเข้ามากว่า 1,358 ล้านบาท และในเดือนสิงหาคม บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดแมกซ์พันธบัตร 2 มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 6 เดือน คาดการณ์ผลตอบแทน 2.5% ต่อปี ซึ่งในครึ่งปีหลัง บลจ.นครหลวงไทยมีนโยบายออกกองทุนพันธบัตรระยะสั้น เพื่อตอบสนองความต้องการนักลงทุนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นางสาวอัจฉรา กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนิน งานของกองทุนหุ้นที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัทยังคงให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ และกอง ทุนพันธบัตรที่ออกมาในช่วงก่อนหน้า ผลตอบแทนถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับนักลงทุน

ส่วนแนวโน้มการออกกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ขณะนี้บริษัทได้ขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งคาดว่ากองทุนที่จะออกจะเน้นการลงทุนในตลาดหุ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.