|
บสท.เปิดกรุ"ทำเลอุตฯ"หมื่นล.
ผู้จัดการรายวัน(28 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
บสท. รุกตลาดขาย NPA ล็อต 3 ชูคอนเซ็ปต์"เปิดคลังสมบัติทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม" สนองโครงการเร่งด่วนภาครัฐพัฒนา อุตฯและระบบลอจิสติกส์ไทย คัดทรัพย์เด่นเพื่ออุตสาหกรรม ที่ดินเปล่า โรงงาน คลังสินค้าและลอจิสติกส์ ทั่วประเทศ 150 รายการ มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท พร้อมจัดพอร์ตที่อยู่อาศัยแปลงย่อยขายนักลงทุน มูลค่า 15,000-20,000 ล้านบาท หวังเป็นแคมเปญสอดแทรกเพิ่มยอดขาย คาดทั้งปี ยอดขายเกือบถึงเป้า ชี้ผู้ประกอบการเบรกลงทุนในทำเลสุวรรณภูมิ หลังกฎหมายเรื่องผังเมืองสุวรรณภูมิยังไม่ชัดเจน
หลังจากที่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ได้สร้างปรากฏการณ์ในการผลักดันทรัพย์รอการขาย (NPA) โดยชูคอนเซ็ปต์นำทรัพย์ที่อยู่ในทำเลเด่นและมีศักยภาพ จัดมารวบรวมเพื่อเสนอขายนักลงทุน ซึ่ง 2 แคมเปญแรกในช่วงครึ่งปีที่ออกมาสามารถกระตุ้นตลาดและสร้างยอดขายให้กับบสท. คือ เปิด คลังสมบัติสุวรรณภูมิ และเปิดคลังสมบัติเลียบแนวรถไฟฟ้า
นายเชาวรัตน์ เชาวน์ชวานิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาสินทรัพย์ เปิดเผยว่า บสท. ได้ออกแคมเปญที่ 3 เพื่อกระตุ้นยอดขายเอ็นพีเอ โดยจัดภายใต้โครงการ"เปิดคลังสมบัติทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม" รวบรวมทรัพย์สินกว่า 150 รายการ มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ในทำเลที่มีศักยภาพทั่วประเทศออกจำหน่าย โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมการลงทุน ของคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน(BOI) โดยเขต 1 ประกอบด้วย 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร) และเขต 2 จำนวน 12 จังหวัด อาทิ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครนายก ระยอง เป็นต้น ซึ่งจะเปิดประมูล 2 รอบ คือในวันที่ 23 ก.ย.และ 7 ต.ค.นี้ กำหนดลงทะเบียน วันที่ 5 ก.ย. - 4 ต.ค.
สำหรับประเภทของทรัพย์ฯที่ออกประมูลมีหลากหลาย อาทิ ในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ มินิแฟก-ตอรี่ ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล โรงงานอุตสาห-กรรมติดถนนฉลองกรุง และโรงงานอุตสาหกรรมติดถนนกรุงเทพกรีฑา ถ. ศรีนครินทร์ เขตปริมณฑล ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม ติดถนนติวานนท์ จ.ปทุมธานี และโรงงานอุตสาหกรรม ใกล้ ถ. สนาม-บินน้ำ จ. นนทบุรี นอกจากนี้ยังมีที่ดินเปล่าเพื่ออุตสาหกรรมอาทิ ในเขตจังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร และอยุธยา
ส่วนในเขตส่งเสริมการลงทุน เขต 2 ได้แก่ ที่ดินเปล่าในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จ. ฉะเชิงเทรา ซึ่งนำเสนอขายครั้งนี้ประมาณ 700-800 ไร่ โดยปรับหน้าดินเรียบร้อยแล้ว และยังมีที่ดินเปล่าอีก 2,000 ไร่ ยังไม่นำออกมขาย เนื่องจากอยู่ในเฟสต่อเนื่อง โดยจะนำมาขายก็ต่อเมื่อ มีการพัฒนานิคมอุตฯเกตเวย์ซิตี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยังผลต่อราคาที่ดินสูงขึ้น ที่ดินขนาดใหญ่เพื่อเกษตรอุตสาหกรรม ใน จ.ปราจีนบุรี เนื้อที่กว่า 9,500 ไร่ เป็นต้น
นายเชาวรัตน์ กล่าวอธิบายถึงกลยุทธ์จัดกลุ่มสินทรัพย์ว่า กำหนดตามความต้องการของตลาด โดยได้วิเคราะห์สถานการณ์และทิศทางการเจริญเติบโตของภาคอุตฯ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น เพียงครึ่งปีแรกของปี 48 พบว่า มีการย้ายฐานการลงทุนด้านอุตฯจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยหลายแสนล้าน
ขณะเดียวกันภาครัฐมีนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ ที่มุ่งเน้นพัฒนาด้านอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์ แห่งเอเชีย (Detroit of Asia) โดยให้การสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตรถยนต์ประเภท Hybrid และ Eco Car มีการประกาศยุทธศาสตร์ลอจิสติกส์ชาติ ซึ่งมีงบประมาณลงทุนสูงถึง 40,000 ล้านบาท ในการ พัฒนาและลดต้นทุนระบบลอจิสติกส์ ซึ่งเป็นตัวสะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศภายใน 5 ปีข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ต้นทุนการขนส่งและการผลิตลดลง และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้
"เรามองวิกฤตราคาน้ำมันในปัจจุบันเป็นโอกาส ที่ส่งผลให้ระบบลอจิสติกส์และคลังสินค้า กลายเป็นสิ่งสำคัญของอุตสาหกรรมทุกประเภท ปัจจัยสนับสนุนต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เรามองเห็นตลาดและความเป็นไปได้ในการจัดโครงการเปิดคลังสมบัติทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม จัดพอร์ตที่อยู่อาศัยรายย่อย ขายนักลงทุนหวังเพิ่มยอดขาย"
นายเชาวรัตน์ กล่าวอีกว่า บสท.ยังได้จัดแคมเปญเสริมหรือจะเรียกว่าแคมเปญสอดแทรกเข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 3 ซึ่งรูปแบบจะเป็นการนำทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยรายย่อย อาทิ บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์, คอนโดมิเนียม และที่ดินเปล่าในแปลงจัดสรรภายในโครงการ รวมมูลค่าที่จะจัดประมาณ 15-20% จากมูลค่าทรัพย์ฯประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยจะนำมาจัดกลุ่มเพื่อให้ผู้ประกอบการ หรือ นักลงทุนที่สนใจนำไปปรับปรุงหรือพัฒนาต่อเพื่อขาย รูปแบบดังกล่าวเหมือนกับของธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.)ที่ให้ผู้ประกอบการเลือกทรัพย์ไปปรับปรุงเพื่อจำหน่ายต่อ แต่ทรัพย์ของธอส.จะเป็นแบบรายย่อยและกระจัดกระจาย ขณะที่ทรัพย์ของบสท.จะเป็นกลุ่มในโครงการจัดสรร โดยที่ผ่านมาได้เรียกผู้ประกอบการ, สมาคมตัวแทนนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และผู้รับเหมา เข้ามารับทราบข้อมูล และแนวทางในการจัดทำโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การจัดโครงการเปิดคลังสมบัติ "ทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม" ทางบสท.คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมถึงในช่วงปลายปีจะมีแคมเปญคล้ายๆกับโครงการนี้ออกมา ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขาย ได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายจากมหกรรมเปิดคลังสมบัติเลียบแนวรถไฟฟ้า มียอดจำหน่ายทรัพย์รวม 19 รายการ มูลค่าขาย 800 ล้าน บาท นอกจากนี้ยังมียอดขายจากในส่วนของการ จำหน่ายทรัพย์ทั่วไป ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบสท.มียอด จำหน่ายทรัพย์รวม 3,500 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะทำได้ ประมาณ 7,000-7,500 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี 10,000 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและปัจจัยลบต่างๆที่เข้ามา
นายเชาวรัตน์ กล่าวแสดงความเห็นต่อทำเลสุวรรณภูมิว่า ปัจจุบันได้รับความสนใจจากนักลงทุน น้อยลง เนื่องจากผังเมืองเฉพาะของสุวรรณภูมิยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าลงทุน เพราะเกรงว่าผังเมืองที่ออกมาจะทำให้มูลค่าที่ดินลดน้อยลง และไม่สามารถพัฒนาโครงการ ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยง คาดว่าหากผังเมืองประกาศออกมา ที่ดิน ในย่านสุวรรณภูมิจะได้รับความสนใจมากขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|