|
ศาลยกคำร้องสวอปหุ้น TPIPL แลกรง.แอลดีพีอี
ผู้จัดการรายวัน(26 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ศาลล้มละลายกลางยกคำร้องทีพีไอโพลีนที่ขอให้ตัวแทนบริษัทฯ มีสิทธิซื้อหุ้นทีพีไอโพลีน 249 ล้านหุ้น ก่อนผู้ซื้อรายอื่นเพื่อแลกโรงงานแอลดีพีอี หลังคลังยื่นคำแถลงขอยุติการเจรจาไกล่เกลี่ยหวังเดินหน้าประมูลขายหุ้นทีพีไอโพลีน 9 ส.ค.นี้ แนะให้นายประชัยเข้าร่วมประมูลหากต้องการหุ้นจริง แต่หากขายหุ้นไม่ได้ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ คลังจะโอนหุ้นทีพีไอโพลีนทั้งหมดให้เจ้าหนี้เพื่อตีชำระหนี้ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ
วานนี้ (25 ก.ค.) ศาลล้มละลายกลาง นัดพร้อมคดีบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2547 ขอเพื่อ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้บุคคลที่ทีพีไอโพลีน กำหนดเป็นผู้มีสิทธิซื้อหุ้นทีพีไอโพลีนจำนวน 249 ล้านหุ้น ที่ถือกรรมสิทธิ์โดยบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) ก่อนบุคคลอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนกับโรงงานเม็ดพลาสติกแอลดีพีอีของทีพีไอโพลีน
ด้านตัวแทนกระทรวงการคลังในฐานะผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอได้ยื่นคำแถลงขอให้ ศาลดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีและมีคำสั่งตามคำร้องของทีพีไอโพลีนฉบับลงวันที่ 15 ธ.ค. 2547 โดยไม่ประสงค์ให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย หรือเจรจาใดๆ เนื่องจากผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอมีหน้าที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อให้สามารถฟื้นฟูต่อไปได้
สืบเนื่องจากผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอได้พิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขของทีพีไอโพลีนเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 1 เหรียญสหรัฐ โดยมีเงื่อนไขผูกมัดว่าทีพีไอจะต้องซื้อโรงงานแอลดี พีอีจากทีพีไอโพลีนในราคาไม่ต่ำกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หากทำตามข้อเสนอดังกล่าวจะขัดกับข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูฯทีพีไอที่จะขายหุ้นทีพีไอโพลีนเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่จะต้องดำเนินการตามหลักธุรกิจปกติ โปร่งใส ไม่ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลใดเป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งผู้บริหารแผนฯ ได้ดำเนินการขายโดยวิธีประมูลราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ 9 ส.ค.นี้
ด้านตัวแทนของทีพีไอโพลีน ได้เสนอขอให้ทีพีไอเลื่อนการประมูลขายหุ้นทีพีไอโพลีนจำนวน 249 ล้านหุ้นออกไปก่อน และให้มีการตั้งบริษัทอิสระเพื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สินโรงงานเม็ดพลาสติกแอลดีพีอีตามที่เคยได้มีข้อตกลงเรื่องการแลกหุ้นกับโรงงานแอลดี พีอีไปก่อนหน้านี้ เพื่อจะได้หุ้นสวอปกันได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางบล.เมอร์ริล ลินช์ ภัทร ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเคยทำการประเมินโรงงานแอลดีพีอีไว้ที่ 180-300 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ การเร่งขายหุ้นทีพีไอโพลีนดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นเดิม
ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ โดยได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว เนื่องจากตามแผนฟื้นฟูฯทีพีไอ ระบุว่า กระทรวงการคลังมีอำนาจเด็ดขาดในการขายหุ้นทีพีไอโพลีน 249 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30.8% ไม่ช้าไปกว่า 8 สัปดาห์ก่อนสิ้นสุดแผนฟื้นฟูฯ 31 ธ.ค.48 และดำเนินการ เพื่อให้ได้โรงงานแอลดีพีอี เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของทีพีไอให้ผู้บริหารแผนฯเป็นผู้ดำเนินการ โดยการซื้อ/เช่า หรือวิธีอื่นในเชิงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นข้อแนะนำของผู้ไกล่เกลี่ยที่จะให้แลกหุ้นกับโรงงานแอลดีพีอี ไม่ถือว่าเป็นนิติกรรมที่จะมีผลบังคับได้
นายกมล ธีระเวชพลกุล รองอธิบดีศาลล้มละลายกลาง กล่าวว่า เดิมศาลเห็นว่า ผู้บริหารแผนฯ ทั้งสองสามารถตกลงเจรจากันได้เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย จึงให้มีการเจรจาตกลงกัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการเจรจาตกลงกันหรือไม่ หรือเจรจากันแบบใด ศาลฯ ไม่อาจรู้ได้ แต่สุดท้ายคลังก็ตัดสินใจยุติการไกล่เกลี่ยแล้ว ส่วนที่จะให้ทีพีไอเลื่อนการขายหุ้นทีพีไอโพลีนออกไป เนื่องจากนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ทีพีไอ เตรียมหาเงิน 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาชำระคืนหนี้ทีพีไอ ตามสิทธิผู้ค้ำประกันนั้น ศาลเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกับคดีนี้เพราะเป็นเรื่องอนาคต
แหล่งข่าวจากทีมงานคณะผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอกล่าวว่า ผู้บริหารทีพีไอโพลีนไม่มีความจริงใจที่จะเจรจาไกล่เกลี่ย โดยไม่ยอมมีข้อเสนออะไร เพียงแต่ต้องการแลกหุ้นกับโรงงานแอลดีพีอี จนเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ทีพีไอโพลีนได้ทำหนังสือขอซื้อหุ้นทีพีไอโพลีนในราคาหุ้นละ 1 เหรียญสหรัฐ โดยมีเงื่อนไขว่าทีพีไอต้องซื้อโรงงานแอลดีพีอี 250 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย ซึ่งก็เป็นข้อเสนอในการแลกหุ้นกับโรงงานเหมือนเดิม
"การซื้อโรงงานแอลดีพีอีจะต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งเราอยากจะซื้อและผู้ร่วมลงทุนก็อยากให้เราจัดระบบทรัพย์สินให้เรียบร้อย เพราะยังมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ หากไม่มีโรงงานแอลดีพีอีก็ไม่ส่งผลเสียหายต่อทีพีไอ เพราะมาร์จิ้นเม็ดพลาสติกต่ำและเอทีลีนสามารถส่งออกได้"
ปัจจุบันมีผู้แสดงความจำนงขอเข้าร่วมประมูลโดยซื้อเอกสารการประมูลราคาแล้ว 5 ราย มาจากผู้ประกอบการปูนซีเมนต์และสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ หากตัวแทนของทีพีไอโพลีนต้องการหุ้นก็สามารถเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ได้ ซึ่งการประมูลครั้งนี้จะไม่เปิดโอกาสให้ทำการตรวจสอบสถานะและกิจการ (ดิว ดิลิเจนซ์) ทำให้กลุ่มนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ในฐานะผู้บริหารทีพีไอโพลีนมีความได้เปรียบ ผู้เข้าร่วมประมูลรายอื่นๆด้วย
อย่างไรก็ตาม หากผู้บริหารแผนฯไม่สามารถขายหุ้นทีพีไอโพลีนได้ทันวันที่ 10 พ.ย. นี้ ก็จะดำเนินการโอนหุ้นดังกล่าวให้เจ้าหนี้ เพื่อตีชำระหนี้ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูฯทีพีไอฉบับใหม่ ส่วนนาง อรพิน เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารทีพีไอโพลีน กล่าว ภายหลังการฟังคำตัดสินยกคำร้องของศาลฯ ว่า ยังไม่มีความเห็นใดๆ
แหล่งข่าวจากทีพีไอโพลีน กล่าวว่า ผู้ชนะการประมูลซื้อหุ้นทีพีไอโพลีนในครั้งนี้จะไม่มีอำนาจในการบริหารงานบริษัทเป็นเวลา 2 ปี สิ้นสุดธ.ค.2550 ซึ่งเชื่อว่าสุดท้ายจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นใหม่กับผู้บริหารแผนฯ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผู้ลงทุน ดังนั้นทางทีพีไอโพลีนจึงเสนอให้ขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมแทนที่จะขายให้แก่บริษัทข้ามชาติ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|