|

TopGolf
โดย
อรวรรณ บัณฑิตกุล
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
สนามฝึกซ้อมกอล์ฟที่เห็นอยู่เบื้องหน้า มีหน้าตาต่างจากสนามทั่วไป ส่วนลูกกอลฟ์ที่เล่นก็ฝังไมโครชิป เป็นความบันเทิงด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ ทำให้กอล์ฟไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เมื่ออภิรักษ์ จูตระกูล ไปเห็น TopGolf การเล่นกอล์ฟรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อันทันสมัย ที่เมืองวัตฟอร์ตประเทศอังกฤษ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2543 เขามั่นใจมากว่า มันจะกลายเป็นกีฬา ที่แฝงไปด้วยความบันเทิงอย่างหนึ่งของคน ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ทั่วโลก อย่างแน่นอน การตัดสินใจนำเข้าลิขสิทธิ์ TopGolf เพื่อมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ในพื้นที่ ส่วนหนึ่งของปิยะรมย์ สปอร์ตคลับ เลยเกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ที่ผ่านมา
TopGolf เป็นสนาม 3 ชั้น จำนวน 60 ช่องตี ทุกช่องตีประกอบด้วยเครื่อง Sensor อัตโนมัติ และจอมอนิเตอร์แสดงผลคะแนน โดยมีเครื่องจ่ายลูกอัตโนมัติ ผู้เล่นจะได้รับลูกกอล์ฟจำนวน 20 ลูกต่อ 1 รอบ สำหรับ 1 รอบคนที่ตีเป็น มีวงสวิงดีๆ อยู่แล้วอาจจะ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีกว่าๆ แต่สำหรับคนที่เพิ่งหัดเล่น ก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้น ซึ่งอภิรักษ์บอกว่าไม่ควรเกิน 20 นาที
ผู้เล่นต้องตีลูกกอล์ฟให้ตกไปยังกรีนเป้าหมายเบื้องหน้าที่มีอยู่ 9 กรีน โดยกรีนแต่ละหลุมที่ธงสีต่างๆ ปักไว้ และมีระยะห่าง จากแท่นทีออฟต่างกัน ใกล้สุด 25 หลา ไกล สุด 210 หลา
คะแนนที่ได้ต่างไปตามระดับความยากง่าย และด้วยระบบ Electronic Reader จะส่งผลคะแนนกลับมายังจอมอนิเตอร์ของผู้เล่นอย่างทันทีแบบลูกต่อลูก โดยคะแนนเหล่านั้นจะถูกรวบรวมเป็นสถิติและ Handi-cap ของผู้เล่นแต่ละคน
ความสนุกของ Topgolf ต่างจากการยืนไดรฟ์กอล์ฟคนเดียว เพราะมีการตั้งโปรแกรมการแข่งขันไว้หลากหลายถึง 6 รูปแบบ โดยผู้เล่นสามารถแข่งเดี่ยวกับตนเอง เล่นกันแบบครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนฝูงได้พร้อมๆ กันถึง 4 คน ในเวลาเดียวกัน
อภิรักษ์บอกว่า บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น พันธมิตรรายหนึ่งของ TopGolf กำลังพัฒนาระบบ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถออนไลน์เข้าไปดูคะแนนของตนเอง และ เพื่อนๆ ได้ด้วย
ภายในบริเวณ TopGolf ยังมีร้านอาหารทอรัส ลานเบียร์ และเครื่องดื่ม พร้อมทั้งห้องประชุมสัมมนา หรือการจัดเลี้ยงย่อยๆ ไว้บริการอีกด้วย
ราคาค่าเล่นหากไม่ใช่สมาชิกประมาณ 100 บาทต่อรอบ แต่ปัจจุบันฉลองการเปิดใหม่มีโปรโมชั่น แพ็กเกจที่น่าสนใจมากมายในช่วงเวลาต่างๆ กัน
สนามกอล์ฟรูปแบบใหม่นี้มีเพียง 3 แห่งในโลก โดย 2 แห่งมีที่ประเทศอังกฤษ ในเมืองไทยเป็นแห่งที่ 3 ด้วยเงินลงทุนในเรื่องระบบและการทำสนามประมาณ 120 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|