|
A cup of IT
โดย
น้ำค้าง ไชยพุฒ
นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
จิบชา กาแฟ พร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่ "สตาร์บัคส์"
กลิ่นกรุ่นของกาแฟสไตล์อเมริกันลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ เสียงเพลงไทยและต่างประเทศดังสลับกับเสียงสนทนาของกลุ่มเด็กสาวโต๊ะริมสุดที่เล็ดลอดมาพอให้ได้ยินเบาๆ นักธุรกิจหนุ่มโต๊ะข้างๆ กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการเช็กอีเมลผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ถัดไปลุกออกจากร้านไปแล้วตั้งแต่เมื่อหลายนาทีก่อน
บรรยากาศของร้านกาแฟสตาร์บัคส์สาขาหลังสวนดำเนินอยู่เช่นนี้ตลอดทั้งวัน จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่หลายคนได้เห็นจนชินตา ทั้งๆ ที่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟแห่งนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย
"สตาร์บัคส์" เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของร้านกาแฟ ที่ให้มากกว่าที่นั่งสำหรับจิบชา กาแฟ หรือทานขนมและของว่างเพียงอย่างเดียว เหมือนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้หลายปี
วันนี้...สตาร์บัคส์เสิร์ฟพร้อมความสะดวกสบายอย่างอื่น เพื่อให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่สามหรือ Third place อย่างที่ใครหลายคนต้องการ โดยเฉพาะเทคโน โลยีใหม่ๆ ที่มีมาให้บริการกันอย่างต่อเนื่อง
"อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง" หรือ Wi-Fi เป็นเทคโนโลยีแรกที่สตาร์บัคส์นำเข้ามาให้บริการตั้งแต่สองปีที่ผ่านมา ปัจจุบันพร้อมเสิร์ฟถึงมือคุณแล้วกว่า 60 สาขาทั่วประเทศ แม้เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในร้านกาแฟสตาร์บัคส์ถูกหยิบยกมาเขียนหรือบอกเล่ากันนับครั้งไม่ถ้วนจากใครหลาย คน แต่ภาพของการใช้งานก่อนหน้านี้ยังไม่ชัดเจนเท่ากับทุกวันนี้
ด้วยราคาที่สมเหตุสมผลขึ้น การอำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาการใช้งานผ่าน Call Center ของบริษัทเคเอสซี อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย พันธมิตรของสตาร์บัคส์ที่รับหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ให้กับสตาร์บัคส์แบบตลอดเวลาทำการ ทำให้ทั้งนักศึกษา นักธุรกิจ คนทำงาน และบุคคลอีก หลายประเภท แวะเวียนมานั่งเล่นอินเทอร์เน็ต ในร้านกันมากขึ้น ทดแทนการมองหาร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในยามที่เร่งรีบต้องส่งงาน หรือการบ้าน และนั่งฆ่าเวลารอใครสักคนหนึ่ง ได้เป็นอย่างดี
ลูกค้าเพียงแต่เดินไปยังหน้าเคาน์เตอร์ แจ้งความประสงค์กับพนักงานของทางร้านว่า ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การ์ดที่ระบุจำนวนชั่วโมงอินเทอร์เน็ตที่สามารถเล่นได้ แตกต่างกันออกไปหลายราคาจะถูกหยิบยื่น ให้ลูกค้าอย่างที่แจ้งเอาไว้ พร้อมคำแนะนำการใช้งานเบื้องต้นจากพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมมาแล้วจากบริษัท ขณะที่ชั่วโมงเวลา ถูกกำหนดเอาไว้อย่างจำกัดตามตัวเลขเงินที่จ่ายไปแก่ทางร้าน แต่ลูกค้าสามารถเข้ามาเล่น ต่อได้อีกทุกครั้ง ตราบเท่าที่มูลค่าเวลายังไม่หมดไป
ร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ ที่เกิดขึ้นใหม่ทุกสาขานับจากนี้วางนโยบายเอาไว้ตั้งแต่ออกแบบร้านว่า จะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย ความเร็วสูงเอาไว้ด้วยทุกครั้งไป
ระบบการจ่ายเงินแบบใหม่ผ่านการ์ดเติมเงิน หรือที่เรียกกันว่า "Starbucks Card" ที่เพิ่งจะผ่านพ้นการเปิดตัวใช้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่สตาร์บัคส์ตัดสินใจนำมาใช้กับร้านกาแฟทุกสาขาในประเทศ นับเป็นประเทศที่ 5 ของ สตาร์บัคส์ทั่วโลกที่นำระบบการจ่ายเงินด้วยการ์ดเติมเงินมาใช้ นอกเหนือจากประเทศแม่ อย่างสหรัฐอเมริกา กรีซ แคนาดา และออสเตรเลีย นำหน้าฮ่องกงและอังกฤษ ที่เปิดตัวช้ากว่าไปหลายเดือน
"Starbucks Card" เป็นการ์ดแม่เหล็กเช่นเดียวกันกับบัตรเอทีเอ็มถูกออกแบบให้สามารถเติมข้อมูลจำนวนเงินเอาไว้ข้างในได้ ผู้ใช้สามารถเติมจำนวนเงินเข้าไปในบัตรผ่านหน้าเคาน์เตอร์ในร้านสตาร์บัคส์สาขาใด ก็ได้ ตั้งแต่ 100 บาทไปจนถึง 20,000 บาท เพื่อใช้แทนเงิน สดสำหรับการซื้อชา กาแฟ และของทุกชิ้นภายในร้านได้ทันที
ความสะดวกของการใช้การ์ดประเภท นี้ก็คือ การที่คุณไม่ต้องพกเงินสดสำหรับการ ซื้อกาแฟทุกครั้งโดยเฉพาะเวลาที่เร่งรีบเพียงแต่ยื่นบัตรให้พนักงานเพื่อตัดจำนวนเงิน ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่ต้องรอคอยเงินทอนเหมือน เดิมที่ผ่านมา การ์ดใบเดียวกันนี้ผู้ใช้ยังสามารถพกพาไปใช้ได้กับทุกประเทศที่มีระบบการ์ดแบบนี้ใช้แล้ว โดยเฉพาะ 5,000 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา
ระบบการใช้จ่ายผ่าน "Starbucks Card" ของไทยและอีกหลายประเทศจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกับระบบกลางที่สำนักงาน ใหญ่ในสหรัฐฯ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูง ทุกครั้งที่คนไทยเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ และมีการใช้การ์ดผ่านร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ ข้อมูลการใช้จ่ายจะเดินทางผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมายังสตาร์บัคส์ในไทย และทำการตัดจำนวนเงินในระบบออกไป เพื่อ เป็นการยืนยันการใช้จ่ายทุกครั้ง ผู้ใช้ยังสามารถตรวจสอบตัวเลขจำนวนเงินคงเหลือในบัตรลงทะเบียน การใช้บัตรผ่านทางเว็บไซต์ www.starbuckscard.in.th ได้ตลอดเวลาอีกด้วย
ปัจจุบัน สตาร์บัคส์ยังเสิร์ฟกาแฟพร้อมเสียงเพลงผ่านเครื่องเล่นเพลง "iPod" จากค่ายแอปเปิลอีกหนึ่งอย่างที่สาขา Play-ground ในซอยทองหล่อ นับเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าแม้ต้นคิดจะมาจากผู้ก่อตั้ง Playground ผู้รับหน้าที่วางคอนเซ็ปต์และออกแบบ Playground ทั้งหมด ที่บังเอิญเดินทาง ไปยังประเทศญี่ปุ่นและพบว่าร้านแบบเดียวกันนี้เปิดให้ฟังเพลงจากเครื่องเล่นซีดีได้ทันที เนื่องจากชั้นบนของร้านเป็นร้านขายซีดี ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อซีดีแล้วสามารถนำมาเปิดฟังเพลงได้ทันทีในร้านสตาร์บัคส์ชั้นล่างพร้อมจิบกาแฟไปพลางๆ
คอนเซ็ปต์เดียวกัน ติดๆ กันกับสตาร์ บัคส์สาขา Playground คือร้านซีดีที่ไม่ได้กั้นด้วยกระจกเหมือนกับที่อื่นๆ ซีดีหายากที่หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน พนักงานของร้านซีดีจะนำเพลงเพราะๆ มาบรรจุไว้ในเครื่องเล่น iPod ความจุกว่า 40 กิ๊กะไบต์ในร้านสตาร์ บัคส์ข้างๆ หมุนเวียนเปลี่ยนเพลงให้ความบันเทิงส่วนตัวกับคนดื่มกาแฟในร้านตลอดเวลา
ดูเหมือนว่าแนวโน้มความนิยมปรับแต่งร้านกาแฟให้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่รองรับความต้องการด้านไอทีจะเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ หลายร้านมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของความ ต้องการของลูกค้า จึงเร่งรองรับความต้องการ ดังกล่าวอย่างไม่รีรอ ก่อนหน้านี้ "ผู้จัดการ" เคยนำเสนอเรื่องราวของร้านกาแฟแบบใหม่ที่ใส่ความทันสมัยเข้าไปข้างในตัวร้านมาบ้างแล้ว อาทิ True at Kaosan ของค่ายทรูที่เสิร์ฟพร้อมอินเทอร์เน็ตไร้สาย และบริการอีก หลากหลายที่ล้วนแต่ทันสมัยแทบทั้งสิ้น
วันนี้ร้านกาแฟจึงไม่ได้เป็นร้านกาแฟธรรมดาเหมือนอย่างเคย แต่เสิร์ฟพร้อมความ สะดวกสบาย และความทันสมัยมากมาย จนลูกค้าอย่างเราแทบจะตามไม่ทันกันเลยทีเดียว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|