ไอซีทีนัด 2 บอร์ดถกภาระไม่แปรสัญญาสั่งทีโอทีห้ามตัดท่อต่อตรงเอกชนมือถือ


ผู้จัดการรายวัน(25 กรกฎาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ไอซีทีเรียก 2 ประธานบอร์ด 2 ซีอีโอ ทีโอทีและกสท โทรคมนาคม ถอดรหัสการแบกภาระแทนเอกชน ตามนโยบายรัฐที่ไม่ให้มีการแปรสัญญา พร้อมสั่งทีโอทีต้องให้โอเปอเรเตอร์มือถือต่อเชื่อมตรงระหว่างกันต่อไป เชื่อเป็นทางแก้ปัญหาโทร.ไม่ติดที่ถูกต้อง ถึงแม้ทีโอทีจะขยายวงจรและให้ทุกรายต่อผ่านทีโอทีแล้วก็ตาม

นายคณวัฒน์ วศินสังวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่าในวันนี้ (25 ก.ค.) นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที จะเรียกประธานบอร์ดและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม เข้าประชุมร่วมกันเพื่อหารือถึงผลของนโยบายรัฐ ที่จะไม่ให้มีการแปรสัญญาร่วมการงานของทั้ง 2 หน่วยงาน ก่อนที่จะมีการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

"ไอซีทีต้องการให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า จากนโยบายที่ไม่ต้องแปรสัญญาแล้วจะทำให้ 2 หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องอะไรบ้างในส่วนของเอกชนที่เป็นคู่สัญญาร่วมการงาน"

เรื่องที่จะมีการหารือร่วมกันเช่นเรื่องค่าเชื่อมโครงข่าย (อินเตอร์คอนเนกชันชาร์จ) ที่ทั้ง 2 หน่วยงาน เสนอให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องอัตราที่มี 3 รูปแบบ คือออริจิเนต ทรานซิส และเทอร์มิเนต และคำจำกัดความต่างๆ รวมทั้งในเรื่องภาระต่างๆ ที่ทั้ง 2 หน่วยงานในฐานะเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจะต้องรับผิดชอบแทนเอกชนคู่สัญญาไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าธรรมเนียมในการใช้เลขหมาย ค่าธรรมเนียมในการใช้คลื่นความถี่ รวมทั้งต้องการให้ทั้ง 2 หน่วยงานแสดงรายละเอียดของแผนงานสำหรับการให้บริการ USO รวมทั้งค่าชดเชยต่างๆ ที่สมควรจะได้รับ เพื่อกำหนดบทบาทที่ชัดเจน

นอกจากนี้ในวันที่ 26 ก.ค.ที่จะถึงนี้ กระทรวงไอซีทีจะเชิญกทช.เข้าหารือเรื่องเกี่ยวกับบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (Universal Service Obligation หรือ USO) ที่กทช.จะมีหลักเกณฑ์การเก็บเงินในลักษณะส่วนแบ่งรายได้จากผู้ได้รับใบอนุญาต 6% ของรายได้ ซึ่งกระทรวงไอซีทีมีความเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้หลักการดังกล่าว แต่เงินที่เก็บเข้ากองทุน USO ควรเป็นลักษณะพอเพียงกับการชดเชยในเรื่องการให้บริการจะมีความเหมาะสมกว่าการเก็บเป็นส่วนแบ่งรายได้

นายคณวัฒน์กล่าวว่าสำหรับปัญหาการใช้บริการโทรศัพท์มือถือของประชาชนที่ยังได้รับความเดือดร้อนจากการโทร.ข้ามเครือข่ายลำบากในช่วงตอนเย็นที่มีการใช้งานหนาแน่น กระทรวงไอซีทีเห็นว่าถึงแม้ทีโอทีจะมีการลงทุนขยายวงจรเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 รายคือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอส บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทค และบริษัท ทีเอออเร้นจ์ โดยให้ทุกรายต่อผ่านทีโอทีทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่น่าจะสามารถแก้ปัญหาการโทร.ไม่ติดได้ เพราะการโอนทราฟิกหรือสัญญาณโทรศัพท์ทั้งหมดมาผ่านทีโอทีอาจทำให้เกิดการกระจุกตัวและอาจเกิดปัญหาเหมือนเดิม

ดังนั้นกระทรวงไอซีทีจึงมีนโยบายให้โอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ราย สามารถต่อเชื่อมวงจรโดยตรงได้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการเป็นหลัก และในอนาคตเมื่อมีการนำเรื่องค่าเชื่อมโครงข่ายมาใช้ ก็จะยิ่งทำให้การใช้งานได้สะดวกมากขึ้นเพราะโอเปอเรเตอร์ด้านรับสายก็จะมีรายได้และพร้อมลงทุนวงจรเชื่อมต่อ

"ถึงแม้จะให้ต่อผ่านทีโอที แต่การต่อตรงระหว่างโอเปอเรเตอร์ก็จำเป็น และถือเป็นประโยชน์กับผู้ใช้บริการโดยรวม ผมไม่เห็นความจำเป็นที่เมื่อต่อผ่านทีโอทีแล้วจะต้องไม่อนุญาตให้เอกชนต่อตรงกันเอง"

ก่อนหน้านี้นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ทีโอที มีความเห็นว่าการต่อเชื่อมตรงระหว่างโอเปอเรเตอร์เป็นเรื่องที่ผิดสัญญาร่วมการงาน และถือว่าไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป หลังจากที่ทีโอทีดำเนินการขยายวงจรเชื่อมโยงทั้งหมด 2,140 วงจร ภายในเดือนส.ค.แบ่งเป็นวงจรระหว่างทีโอทีกับเอไอเอส 960 วงจร ทีโอทีกับดีแทคจำนวน 700 วงจรและทีโอที กับ ทีเอออเร้นจ์อีก 480 วงจรซึ่งจะทำให้สามารถรองรับปริมาณการโทร.ของทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์พร้อมกันได้ 6.4 หมื่นเลขหมาย ซึ่งหมายถึงโอเปอเรเตอร์ทุกรายต้องตัดการเชื่อมต่อตรงระหว่างกันตั้งแต่เดือนก.ย.เป็นต้นไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.