|
วงการมาร์เกตติ้งป่วน-ก.ล.ต.เลิกระบบอินเซนทีฟ
ผู้จัดการรายวัน(20 กรกฎาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ก.ล.ต.ผ่าทางตันปัญหาแย่งมาร์เกตติ้งทำวงการค้าหุ้นปั่นป่วน เตรียมเรียกตลาดหลักทรัพย์ โบรกเกอร์ หารือ โดยเสนอแนวทางยกเลิกระบบอินเซนทีฟที่จ่ายให้มาร์เกตติ้ง กลับไปใช้ระบบเงินเดือนและโบนัสแทน หวังให้โบรกเกอร์นำเงินไปสะสมในเงินกองทุนเพิ่มขึ้น รองรับการทำธุรกรรมใหม่ๆ หารายได้เพิ่ม "โสภาวดี-ตลท." เห็นด้วยที่มีการทบทวนชี้อินเซนทีฟเป็นช่องลดค่าคอมมิชชันให้กับนักลงทุนรายใหญ่ ด้านสมาคมโบรกฯปล่อยผีบีฟิท ยอมรับข้อเสนอใช้คำว่าบริจาค 30 ล้านบาทแทนปรับเพื่อยุติเรื่อง พร้อมยืนยันใช้ข้อตกลงย้ายงานมาร์เกตติ้งฉบับเดิม จากนี้ใครทำผิดอีกเจอข้อที่ 28 ทันทีไม่มีการพิจารณายืดเยื้อแบบบีฟิท ส่วนเลิกอินเซนทีฟรอเข้าคณะกรรมการบริหารสมาคมฯพิจารณาก่อน
นายธีระชัย ภูวนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.เตรียมเชิญ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ มาหารือร่วมกัน เนื่องจาก ก.ล.ต.มีแนวความคิดว่าควรที่จะมีการออกกฎข้อบังคับไม่ให้มีการจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบส่วนแบ่งรายได้ (Incentive) จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชัน) ให้กับเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งและจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบของเงินเดือนและโบนัสแทน ซึ่งจะทำให้แก้ปัญหาการแย่งตัวเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งได้
ทั้งนี้เนื่องจากสำนักงาน ก.ล.ต.เห็นว่าบริษัทหลักทรัพย์ หรือ โบรกเกอร์ ควรที่จะมีรายได้จากส่วนอื่นๆ ด้วยในอนาคต เพราะปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์มีรายได้หลักจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงด้านเดียว จึงเห็นว่าต่อไปบริษัทหลักทรัพย์ควรที่จะมีรายได้จากส่วนอื่น ๆ ด้วย เช่นจากการบริหารพอร์ตหรือการลงทุนในตราสารหนี้, ตราสารอนุพันธ์ รวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจ ดังนั้นบริษัทหลักทรัพย์จึงควรที่จะมีเงินกองทุนที่เพียงพอ จึงเห็นว่าควรที่จะนำเงินที่เป็นอินเซนทีฟที่ให้แก่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง นำไปเป็นเงินกองทุนของบริษัทหลักทรัพย์แทน
"บริษัทหลักทรัพย์จะมีรายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพียงขาเดียวไม่ได้ ซึ่งในอนาคตจะต้องมีรายได้จากส่วนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อพัฒนาให้บริษัทหลักทรัพย์มีรายได้เป็น 2 ขา ดังนั้นบริษัทหลักทรัพย์ต้องมีเงินกองทุนมากขึ้นกว่าปัจจุบัน จึงต้องหามาตรการต่างๆ ที่จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์มีกำไรและมีรายได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นรายได้ที่ได้มานั้นแทนที่จะนำไปแบ่งจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งทั้งหมด บริษัทหลักทรัพย์ก็จะต้องเก็บสะสมเป็นเงินกองทุนด้วย" นายธีระชัยกล่าว
อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าว เป็นแนวทางหนึ่งเท่านั้น ซึ่งยังไม่ได้มีการกำหนดที่แน่นอน เพราะสำนักงาน ก.ล.ต.จะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตลาดหลักทรัพย์และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์เสียก่อน
ส่วนกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์บีฟิท ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังสำนักงาน ก.ล.ต.ให้เพิกถอนมติของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ที่สั่งปรับจำนวนเงิน 30 ล้านบาท เนื่องจากฝ่าฝืนข้อตกลงการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง ซึ่งสำนักงานก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าข้อตกลงของสมาคมจะมีผลบังคับใช้ได้หรือไม่ ซึ่งถ้ามีผลบังคับใช้ได้ก็จะต้องมาพิจารณาต่อไปข้อตกลงดังกล่าวมีความเป็นธรรมกับสมาชิกหรือ รวมถึง บล.บีฟิทได้มีการฝ่าฝืนข้อตกลงหรือไม่
ทั้งนี้สำนักงาน ก.ล.ต.ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายหาข้อยุติโดยเร็ว รวมถึงฝากให้สมาคมพิจารณาจัดระเบียบการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง โดยต้องการให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งที่เป็นคนทำงาน ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นคนช่วยพัฒนาเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งก็ควรที่จะได้รับการชดเชยด้วย ถ้ามีการย้ายงานเกิดขึ้น ซึ่งสมาคมก็ได้มีการตั้งคณะทำงานศึกษาเกี่ยวกับข้อตกลงการย้ายงานเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการเพราะจะต้องรอให้แก้ปัญหาของบริษัทบีฟิทให้จบสิ้นเสียก่อน
**ตลท.เห็นด้วยเลิกอินเซนทีฟ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า การที่สำนักงานก.ล.ต.มีแนวความคิดจะยกเลิกการให้อินเซนทีฟกับเจ้าหน้าที่มาร์เกตติง และให้จ่ายเป็นเงินเดือนหรือโบนัสแทนนั้น ก็จะต้องหาจุดสมดุลที่ดีที่สุด เพื่อที่จะให้บริษัทหลักทรัพย์ไม่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกับเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งก็ไม่เดือดร้อนด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากนั้นก็จะต้องวางระบบให้ดี ซึ่งปัจจุบันการจ่ายอินเซนทีฟในระดับ 27.5% ให้กับเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้น ปรากฏว่าก็มีเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งบางส่วนได้แอบนำไปใช้ในการลดค่าคอมมิสชั่นให้แก่ลูกค้า ดังนั้นจึงเห็นด้วยว่าน่าจะมีการทบทวนในเรื่องการจ่ายผลตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัดในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถแสดงความเห็นได้ เพราะยังเร็วเกินไปว่าควรที่จะยกเลิกการจ่ายอินเซนทีฟ ให้แก่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งหรือไม่ เพราะจะต้องนำเรื่องดังกล่าวไปเสนอให้แก่คณะกรรมการบริหารสมาคมพิจารณาเสียก่อน
**ศึกบีฟิทยุติให้บริจาค
วานนี้ (19ก.ค.) สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ได้ประชุมคณะกรรมการสมาชิก (บริษัทหลักทรัพย์) โดยมีวาระการพิจารณากรณีบล.บีฟิท ที่มีการฝ่าฝืนข้อตกลงการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งที่ยืดเยื้อมานาน
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมฯ ได้มีมติยอมรับข้อเสนอของ บล.บีฟิท ที่ว่าให้บริจาคเงินจำนวน 30 ล้านบาท ให้กับ มูลนิธิอาจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ภายในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ซึ่งสาเหตุที่ที่ประชุมฯยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้เรื่องดังกล่าวยุติโดยเร็ว
นอกจากนี้คณะกรรมการสมาคมฯ ยังได้มีมติที่จะให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง โดยยืนยันข้อตกลงที่ใช้ในอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งหากมีบริษัทหลักทรัพย์ใดฝ่าฝืนมติข้อตกลงดังกล่าว สมาคมฯ สามารถใช้ข้อบังคับข้อ 28 ลงโทษ ซึ่งข้อบังคับ มีโทษ ภาคทัณฑ์ ปรับ พักการเป็นสมาชิกชั่วคราว และเพิกถอนการเป็นสมาชิก โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนี้
"ถ้าหากบริษัทใดทำผิดอีก ไม่จำเป็นต้องตีความอีกแล้ว โดยจะยึดข้อบังคับ 28 หลังจากนี้จะนำมติดังกล่าวนี้แจ้งให้กับ ก.ล.ต. ตลาด ได้รับทราบต่อไป และคณะทำงานการศึกษาผลกระทบจากข้อตกลงการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง จะเริ่มดำเนินการพิจารณาเกี่ยวกับการแก้ไขข้อตกนี้ต่อไป"
อนึ่ง ก่อนหน้า บล.บีฟิท ได้ยื่นหนังสือไปยัง สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้ล้มมติสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ที่ระบุให้ บล.บีฟิท จ่ายค่าปรับกรณีดึงตัวเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง ด้วยการบริจาคเงิน โดย บล.บีฟิท ระบุว่ามติดังกล่าวขัดกับกฎเกณฑ์สมาคม ฯ และยินดีบริจาคเงินเพื่อยุติเรื่องราวได้ แต่ต้องไม่ใช่เป็นการเสียค่าปรับ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|