“เอ็มดีเค”เผยวิชั่นประธานคนใหม่ เน้นเป็นที่ปรึกษาบรรษัทภิบาลไทย


ผู้จัดการรายวัน(5 สิงหาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

เอ็มดีเคเปลี่ยนประธานกลุ่มใหม่ อาศัยสายสัมพันธ์และประสบการณ์ในตลาดเอเชียกว่า 15 ปี ช่วยลูกค้าขยายธุรกิจต่างประเทศ คุยจุดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ และเป็นพันธมิตรที่ดีกับลูกค้า เน้นเป็นที่ปรึกษาบรรษัทภิบาล มั่นใจสิ้นปีตลาดไทยโตได้ 20-30% ขณะที่ตลาดโลกขยายตัว 15%

นายเอียน แลงคาสเตอร์ ประธานกลุ่มเอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ เปิดเผยว่า ได้เข้า รับตำแหน่งต่อจากนายจอร์จ ชาน โดยจะเข้ามาบริหารร่วมกับผู้บริหารในแต่ละสาขาของ

เอ็มดีเคอย่างใกล้ชิด โดยจะใช้ประสบการณ์ของตนเองที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงินมานานถึง 35 ปี โดย 15 ปี หลังได้ เป็นผู้บริหารประจำภูมิภาคเอเชียของซิตี้คอร์ป ในเครือซิตี้แบงก์ กรุ๊ปและกลุ่มบริษัทประกันชับบ์

การรับตำแหน่งประธานกลุ่มเอ็มดีเคครั้งนี้ ได้วางวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในฐานะประธานจะได้รับข้อมูลจากแต่ละสาขา แล้วนำข้อดี ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของแต่ละสาขา แล้วมาปรับใช้ในการ บริหารองค์กร ทั้งนี้จะให้ความสำคัญด้านการหาพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะนำข้อดีของตนเอง ที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจ อยู่ในเอเชียมาช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องการเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน และจะให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงาน ด้วยการนำประสบการณ์ในแต่ละสาขา มาถ่ายทอดให้กับพนักงานของเอ็มดีเค

สำหรับธุรกิจประชาสัมพันธ์ถือเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความรู้รอบด้านและต้องมองไปข้างหน้า เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อช่วยลูกค้า ซึ่งบริษัทจะให้ความสำคัญกับการเป็นบรรษัทภิบาล และจะเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทลูกค้าที่จะก้าวไปสู่การเป็นบรรษัทภิบาลด้วย เพราะปัจจุบันการเป็นบรรษัทภิบาล เป็นสิ่งที่ถูกให้ความสำคัญมาก เพราะวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับองค์กรในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะขาดในเรื่องธรรมาภิบาล

นายไมเคิล เดอ เครทเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเอ็มดีเค เปิดเผยว่า การแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ขององค์กรครั้งนี้ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด โดยจุดเด่นของเอ็มดีเค คือ ความคิดสร้างสรรค์, ความต่อเนื่องในการบริการลูกค้า ในประเทศไทยลูกค้าใช้ที่บริการกับเอ็มดีเคเฉลี่ย ตั้งแต่ 5-10 ปี และ การเป็นพันธมิตรกับลูกค้าอย่างแท้จริง

สำหรับตลาดที่ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะลูกค้าให้ความสำคัญกับการทำประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค สำหรับประเทศไทยช่วงที่เอ็มดีเคก่อตั้งขึ้น มีบริษัทประชาสัมพันธ์เพียงไม่กี่ราย แต่ขณะนี้มี 50-60 ราย การมีบริษัทประชาสัมพันธ์เกิดขึ้นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ดี ทำให้ตลาดเติบโตขึ้น โดยเอ็มดีเคทั่วโลกมีอัตราการเติบโต15% ในปีนี้ รายได้รวมของกลุ่มตั้งเป้าไว้ที่ 150 ล้านดอลล่าร์

ส่วนในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30% เป็นบริษัประชาสัมพันธ์อยู่ในอันดับ 1 ใน 3 ของตลาด ปัจจุบันมีลูกค้าราว 30 ราย เช่น ซีพี เซเว่น-อีเลฟเว่น, แอมเวย์ ,เดอะพิซซ่า คอมปะนี, เทสโก้ โลตัส, เป็นต้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.