IBM เทคโอเวอร์ PricewaterhouseCoopers ในราคา 3.5 พันล้านเหรียญ


ผู้จัดการรายวัน(1 สิงหาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทไอบีเอ็ม (IBM) เปิดเผยว่า มีแผนเข้าซื้อกิจการบริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สคอนซัลติ้ง (PricewaterhouseCoopers Consulting) ด้วยมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.47 แสนล้านบาท) ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยยกระดับธุรกิจของไอบีเอ็มจากการจำหน่ายเพียงคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ ไปเป็นผู้ให้บริการด้านไอทีแก่ลูกค้าองค์กรในรูปของบริการแบบครบวงจร

การฟื้นตัวของไอบีเอ็มจากปัญหาลึกที่เกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เป็นผลจากการผสมผสานผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่เข้าด้วยกันเพื่อแก้ปัญหาเชิงธุรกิจให้กับลูกค้า ซึ่งบริการต่างๆเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธ์ของไอบีเอ็ม

"กลยุทธ์ด้านการแข่งขันของไอบีเอ็มคือ การผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อลูกค้า" สตีเฟ่น มิลูโนวิช (Steven Milunovich) นักวิเคราะห์จากเมอร์ริลลินช์ (Merrill Lynch) กล่าว "และการเข้าเทคโอเวอร์ของไอบีเอ็มในครั้งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวตามแนวทางดังกล่าว"

สำหรับไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส บริษัทบัญชีและที่ปรึกษาที่ใหญ่ที่สุดในโลก การทำสัญญาในครั้งนี้เป็นวิธีแยกธุรกิจทั้งสองออกจากกันอย่างรวดเร็วที่สุด และยังยกเลิกแผนก่อนหน้านี้ ที่จะจำหน่ายหุ้นของบริษัทคอนซัลติ้งให้กับประชาชนด้วย

หลายปีที่ผ่านมา มีนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า งานด้านคอนซัลติ้งและงานด้านบัญชีควรถูกแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด เพื่อลดความกดดันของผู้ตรวจสอบบัญชี ให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระจากเจ้าหน้าที่บัญชีของบริษัท ซึ่งเป็นลูกค้าและใช้บริการด้านคอนซัลติ้งจากบริษัทที่ผู้สอบบัญชีทำงานอยู่

บริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สพยายามแยกธุรกิจด้านคอนซัลติ้งออกจากธุรกิจด้านบัญชีมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะเหมาะ ก็มาเกิดกรณีโกงบัญชีของบริษัทเอนรอน (Enron) ขึ้นเสียก่อน ซึ่งผู้สอบบัญชีของไพร์ซวอร์เตอร์เฮาส์คูเปอร์สคือ อาร์เธอร์ แอนเดอสัน (Arthur Andersen) ก็เข้าไปพัวพันกับกรณีดังกล่าวด้วย เขาได้รับเงินจากเอนรอนในจำนวนที่สูงมากเป็นค่าบริการด้านคอนซัลติ้ง

"นี่เป็นจุดสิ้นสุดสำหรับความพยายามของเรา ที่จะแยกธุรกิจซึ่งเรารู้สึกว่ามันขัดแย้งออกจากกัน" ซามูเอล เอ ดิพิแอซซา จูเนียร์ (Samuel A. DiPiazza Jr.) ประธานคณะผู้บริหาร บริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สกล่าว "มันเป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับบริษัทของเรา"

แผนจำหน่ายไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สคอนซัลติ้งจะเหลือไว้เพียงธุรกิจด้านบัญชี หรือ บริษัทดีลอยตต์แอนด์ทัช (Deloitte & Touche) พร้อมธุรกิจคอนซัลติ้งอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งดีลอยตต์บอกว่าจะแยกส่วนคอนซัลติ้งออกไปช่วงปลายปีนี้ และนั่นเป็นการยุติเส้นทางที่ขัดแย้งโดยสมบูรณ์

ตามความเคลื่อนไหว ไอบีเอ็มกำลังจะซื้อการเติบโต ซึ่งขณะนั้นบริษัทกำลังประสบปัญหารายได้หดตัว พร้อมๆกับการถดถอยของตลาดเทคโนโลยี

ไอบีเอ็มตั้งเป้ารายได้สำหรับบริการคอนซัลติ้งและเทคโนโลยีของไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สไว้ที่ 4.9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2002 ส่งผลราคาหุ้นไอบีเอ็มพุ่ง 61 เซนต์ ไปอยู่ที่ 71.79 ดอลลาร์ แต่ก็กลับร่วงลงมาอีกภายในไม่กี่ชั่วโมง

ธุรกิจด้านบริการของไอบีเอ็มมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงทศวรรศที่แล้ว และขณะนี้ก็เป็นหน่วยธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ด้วยตัวเลขรายได้ 35 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจด้านบริการของไอบีเอ็มจะทำทุกอย่างตั้งแต่ซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้า ไปจนถึงซัพพลายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับไอทีที่ลูกค้าต้องการ เช่น ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, เน็ตเวิร์ค, ซ่อมบำรุง หรือแม้แต่การฝึกอบรม โดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือน ซึ่งเรามักรู้จักกระบวนการดังกล่าวในชื่อของ "เอาต์ซอร์สซิ่ง" (Outsourcing)

ไอบีเอ็มทำได้อย่างยอดเยี่ยมในส่วนของบริการด้านเทคโนโลยี แต่สำหรับธุรกิจด้านคอนซัลติ้งแล้ว กลับไม่มีบทบาทเอาเสียเลย ขณะที่ไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สโดดเด่นอย่างที่สุด และเนื่องจากบริษัทต่างๆต้องการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อกำจัดจุดด้อยของกระบวนการทางธุรกิจ ตั้งแต่ระบบจัดซื้อ (Procurement) ไปจนถึงลูกค้าสัมพันธ์ หรือซีอาร์เอ็ม (Customer Relation Management) ดังนั้นธุรกิจประเภทคอนซัลติ้งอย่างไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สจึงสามารถสร้างบริการเสริม และผูกสัมพันธ์กับลูกค้าได้นานขึ้น นักวิเคราะห์กล่าว

เพื่อให้บรรลุความสำเร็จ ไอบีเอ็มจำเป็นต้องก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นปกติในกระบวนการรวมกิจการขนาดใหญ่ไปให้ได้ หมายถึงการหลอมรวมวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละองค์กรเข้าด้วยกัน และพนักงานจำนวนนับพันๆที่ต้องทำงานร่วมกันให้ได้

ธุรกิจโกลบอลเซอร์วิสของไอบีเอ็มมีพนักงานอยู่ประมาณ 150,000 คน ขณะที่ไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สคอนซัลติ้งมีอยู่ 30,000 คน ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งคงต้องหายไป

"ในเชิงกลยุทธ์แล้ว ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นสิ่งถูกต้องและสมควรอย่างยิ่งสำหรับไอบีเอ็ม" เดวิด กรอสแมน (David Grossman) นักวิเคราะห์จากโธมัสเวสเซิลพาร์ตเนอร์ส (Thomas Weisel Partners) ในซานฟรานซิสโกกล่าว "แต่อย่าลืมว่า พวกเขากำลังซื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคน รับผิดชอบความความสัมพันธ์ของคนกว่า 30,000 ชีวิต ซึ่งต้องจับรวมเข้าไว้ในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายสูง"

แน่นอนว่า ไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สต้องเสียบางอย่างในธุรกิจปัจจุบันไป เนื่องจากลูกค้าบางรายเป็นบริษัทเทคโนโลยีคู่แข่งของไอบีเอ็ม จอห์น อาร์ จอยซ์ (John R. Joyce) ประธานฝ่ายการเงิน บริษัทไอบีเอ็ม กล่าว บริษัทต้องการรักษาความสัมพันธ์ดังกล่าวไว้ แต่ "ความเป็นไปได้ค่อนข้างเลือนลาง"

การเจรจาระหว่างไอบีเอ็มกับไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ในนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลต.สหรัฐอเมริกา (Securities and Exchange Commission) และเนื่องจากบริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สอบบัญชีของไอบีเอ็ม ดังนั้นในช่วง 3 ปีนับจากนี้ การสอบบัญชีของโกลบอลเซอร์วิสกรุ๊ปของไอบีเอ็มจะถูกโอนไปเป็นหน้าที่ของบริษัทบัญชีรายอื่นแทน แต่จากการตกลงร่วมกันซึ่งผ่านการอนุมัติจากกลต.สหรัฐแล้ว ทำให้ไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สจะเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีทั้งหมดของไอบีเอ็มต่อไป

ในการเจรจา เกรก เบรนน์แมน (Greg Brenneman) ประธานบริษัทไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สคอนซัลติ้ง กล่าวว่า ทั้งคู่พบว่าเป้าหมายทางธุรกิจและวิสัยทัศน์ของพวกเขาคล้ายกันมาก

ผู้บริหารของบริษัท เช่น ฮิวเลตต์แพคการ์ด (Hewlett-Packard) กล่าวว่า พวกเขาก็มีแผนเจรจากับไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สในเร็วๆนี้ด้วยเช่นกัน ที่จริงคือ เอชพีก็จ้องตะครุบกิจการคอนซัลติ้งของไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สอยู่เช่นกัน ที่สำคัญคือ เคยเจรจากันมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2000 ด้วยมูลค่าประมาณ 18 พันล้านดอลลาร์ แต่การเจรจายืดเยื้อ พร้อมๆกับการดิ่งลงของหุ้นของเอชพี ดังนั้นการต่อรองในครั้งนั้นจึงตกไป

ณ วันนี้ ในช่วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไอบีเอ็มตกลงซื้อไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สด้วยมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ เป็นเงินสด 2.7 พันล้าน ที่เหลือเป็นหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Note)

ในธุรกิจคอนซัลติ้ง จะไม่มีชื่อไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สอีกต่อไป "เราตั้งใจจะยุบไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สคอนซัลติ้งเข้าไว้ภายใต้แบรนด์ของไอบีเอ็ม" ดักลาส ที อีลิกซ์ รองประธานฝ่ายไอบีเอ็มโกลบอลเซอร์วิสกล่าว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้ไอบีเอ็มตัดสินใจซื้อไพร์ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สคอนซัลติ้งในครั้งนี้ก็คือ เพื่อเติมเต็มฐานของไอบีเอ็มให้ครบสมบูรณ์แบบ เวอ์จิเนีย โรเมตตี้ (Virginia Rometty) ผู้บริหารธุรกิจคอนซัลติ้งของไอบีเอ็มหลังการรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์กล่าว นอกจากนั้นเธอยังต้องการลดรายจ่ายลงด้วย รวมถึงการลดขั้นเงินเดือน "เมื่อใดก็ตามที่คุณนำองค์กรสองแห่งมารวมกัน การปรับลดเงินเดือนถือเป็นเรื่องปกติ" โรเมตตี้กล่าวโดยไม่ระบุจำนวนที่แน่นอน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.