ATC ออกหุ้นกู้ 300 ล.ดอลลาร์สัปดาห์นี้


ผู้จัดการรายวัน(18 กรกฎาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เอทีซียันเสนอขายหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญสัปดาห์นี้ เพื่อใช้ก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์ 2 ยอมรับมีปัญหาการเสนอขายหุ้นกู้ เนื่องจากตลาดพันธบัตรสหรัฐฯแกว่งและบริษัทในเครือปตท.ได้ขายหุ้นกู้ ติดๆ กันจนนักลงทุนลังเลซื้อช่วงแรก ส่วนแผนการควบรวมกิจการเอทีซีกับพีทีที เคมีคอล หรือกลุ่มโรงกลั่นนั้น จะทำให้ขนาดของรายได้ใหญ่มากเกินไปอาจส่งผลต่อการบริหารงาน

นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่บมจ.ปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอทีซีกำลังพิจารณาที่จะนำบริษัทฯ ไปควบรวมกิจการ กับบริษัท พีทีที เคมีคอล หรือโรงกลั่นน้ำมัน หลังจากการควบรวมกิจการของบมจ.ปิโตรเคมีแห่งชาติ (เอ็นพีซี) และบมจ.ไทยโอเลฟินส์ (ทีโอซี) แล้วเสร็จ ซึ่งตนเห็นว่ารายได้ของเอทีซีหลังจากขยายโรงอะโรเมติกส์หน่วย 2 จะสูงถึง 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีขนาดรายได้ใหญ่มากเกินไปหรือไม่หากจะไปควบรวมกับเอ็นพีซี-ทีโอซี จนทำให้การบริหารงานไม่คล่องตัว เช่นเดียวกับการนำเอทีซีไปควบรวมกับโรงกลั่นน้ำมันระยอง (ภายหลังรวมโรงกลั่นเอสพีอาร์ซีแล้ว) รายได้รวมจะทะลุ 2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางปตท.จะเป็นผู้ตัดสินใจในการควบรวมกิจการของเอทีซีจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในปี 2549

นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการออกหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ลงทุนก่อสร้างโรงอะโรเมติกส์หน่วย 2 ว่า บริษัทฯ จะสามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีการค้ำประกันสกุลดอลลาร์สหรัฐ 300 ล้านเหรียญ ได้ภายสัปดาห์นี้ หลังจากเดินทางไปโรดโชว์ขายหุ้นกู้ที่ลอนดอน ฮ่องกง และสิงคโปร์ แล้วต้องชะลอการขายหุ้นกู้ดังกล่าวออกระยะหนึ่ง แม้ว่ากองทุนต่างประเทศให้ความ เชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจผลิตอะโรเมติกส์ของบริษัทที่มีต้นทุนต่ำ แต่เนื่องจากสภาพตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ แกว่งตัว หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบริษัทในเครือปตท.ได้ขายหุ้นกู้ต่างประเทศติดต่อกัน อาทิ ไทยออยล์ และทีโอซีได้ออกหุ้นกู้ต่างประเทศไปก่อนหน้านี้ และปตท.จะออกหุ้นกู้ตามมาอีก ทำให้นักลงทุนลังเลที่จะซื้อหุ้นกู้เอทีซีในช่วงแรก

ทั้งนี้ เอทีซีจะออกหุ้นกู้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยประมาณ 5.4-5.5% โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้จะนำไปลงทุนสร้างโรงอะโรเมติกส์ 2 ขนาดกำลังการผลิตพาราไซลีน 6.16 แสนตัน และเบนซิน 3.63 แสนตัน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้คัดเลือกกลุ่มบริษัทเอสเค เอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่นและบริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่งฯ เป็นผู้ก่อสร้างงานด้านวิศวกรรม จัดหาเครื่องจักร คิดเป็นมูลค่ารวม 653.53 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนผลประกอบการปี 2548 คาดว่าจะมีกำไรใกล้เคียงจากปีที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันขยับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบแคบลงกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 30 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ผลกระทบจากค่าเงินหยวนของจีนก็ไม่มีแล้ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในระยะนี้ปรับตัวสูงขึ้น

นายอธิคม เติบศิริ รองผู้จัดการใหญ่แผนธุรกิจและการเงิน บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวแล้ว การนำเอทีซีไปควบรวมในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีจะมีความเหมาะสม ทำให้ปตท. กำหนดทิศทางการทำธุรกิจปิโตรเคมีได้ดีขึ้น เพราะมีหลายโครงการที่บริษัทฯได้ร่วมทุนกับทีโอซีและเอ็นพีซีเพื่อทำธุรกิจขั้นปลาย ส่วนแนวคิดที่จะนำเอทีซีไปควบรวมในโรงกลั่นเพื่อต้องการลดต้นทุนนั้น ความจริงแล้วเอทีซีมีการลดต้นทุนอยู่แล้ว โดยมีหน่วยกลั่นรีฟอร์เมอร์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโรงกลั่นน้ำมัน

ปัจจุบันราคาพาราไซลีนและเบนซินได้ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 790 และ 770 เหรียญสหรัฐ เมื่อปลายเดือนมิ.ย. ขึ้นมาอยู่ที่ 850 และ 980 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ เนื่องจากจีนเริ่มสั่งซื้อปิโตรเคมีเพื่อนำมาผลิตสินค้าให้ทันช่วงคริสต์มาส แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์จะอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 2 แต่คาดว่า ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนแน่นอน โดยมีส่วนต่างระดับราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบอยู่ที่ 400-450 เหรียญสหรัฐต่อตัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.